
กระทรวงมหาดไทย วันที่ 27 ส.ค. 68
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 นายหม่าซื่อหยวน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยของไต้หวัน (Ministry of the Interior, MOI) ได้เข้าร่วม “การประชุมนานาชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ประจำปี 2568” โดยรมช.หม่าฯ พร้อมด้วยนายหลินหมิงซิน รัฐมนตรีประจำสภาบริหารไต้หวัน และ Mr. John Morgan รักษาการรองผู้อำนวยการสถาบันอเมริกาในไต้หวัน (AIT) ได้ร่วมกันประกาศความมุ่งมั่นในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พร้อมทั้งเรียกร้องให้นานาประเทศมุ่งเสริมสร้างกลไกการสืบสวนการก่ออาชญากรรมในรูปแบบออนไลน์ ควบคู่ไปกับการยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศ รมช.หม่าฯ กล่าวว่า MOI จะยังคงมุ่งจัดตั้งแพลตฟอร์มแบบพหุภาคีด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเดินหน้ายกระดับสถานภาพของไต้หวันในด้านการปราบปรามการค้ามนุษย์ในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก ผ่านการประสานความร่วมมือแบบบูรณาการและความร่วมมือระหว่างประเทศ ด้วยการจัดการอภิปรายและแบ่งปันประสบการณ์ใน 4 หัวข้อหลัก ดังนี้ : (1) ความท้าทายและแนวโน้มการค้ามนุษย์ในระดับโลกและระดับภูมิภาคเอเชีย (2) แนวทางการป้องกันเครือข่ายและโครงสร้างการค้ามนุษย์สำหรับกลุ่มผู้ด้อยโอกาสที่มักจะเสี่ยงต่อการถูกเอารัดเอาเปรียบทางแรงงาน (3) แผนริเริ่มและมาตรการคุ้มครองเหยื่อการค้ามนุษย์ และ (4) ประยุกต์ใช้เครื่องมือนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเข้าช่วยในกลไกการป้องปรามการค้ามนุษย์ โดยพวกเราจะมุ่งเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือเชิงลึกกับหุ้นส่วนนานาชาติในด้านการป้องกันและปราบปรามการแสวงหาประโยชน์ด้านแรงงาน และให้การสนับสนุนเหยื่อ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็นต้นแบบในระดับนานาชาติ
MOI ชี้แจงว่า การประชุมในครั้งนี้ รวบรวมไว้ซึ่งเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ตัวแทนองค์การเอกชน นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญจาก 12 ประเทศ ได้แก่ : สหรัฐฯ , แคนาดา , อังกฤษ , ฝรั่งเศส , เบลเยี่ยม , นิวซีแลนด์ , เกาหลีใต้ , ฟิลิปปินส์ , เมียนมา , มาเลเซีย , เวียดนามและอินโดนีเซีย เพื่อขานรับต่อกระแสนานาชาติและจับติดสถานการณ์ความคืบหน้าล่าสุดขององค์การระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ การประชุมในครั้งนี้จึงได้จัดขึ้นในรูปแบบไฮบริด ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งประสบความสำเร็จในการดึงดูดผู้เข้าร่วม เป็นจำนวนรวม 300 คน นอกจากนี้ สภาบริหาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตร และหน่วยงานต่างๆ ล้วนแต่พร้อมใจกันผลักดัน “แผนปฏิบัติการด้านการประมงและสิทธิมนุษยชน” , “แผนปฏิบัติการด้านการต่อต้านการแสวงหาประโยชน์” และ “แผนปฏิบัติการด้านสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ” อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของหน่วยงานต่างๆ ในภาครัฐ อาทิ การจัดตั้งระบบระเบียบการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ , การประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง , การฟ้องร้องในกระบวนการทางอาญา และการคุ้มครองเหยื่อการค้ามนุษย์ ซึ่งบังเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดีในช่วงที่ผ่านมา
รมช.หม่าฯ เน้นย้ำว่า เมื่อปีที่แล้ว (พ.ศ. 2567) สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ เปิดเผยรายงานว่า เหยื่อที่ถูกแสวงหาประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงาน มีสัดส่วนที่สูงกว่าเหยื่อที่ถูกบังคับให้แสวงหาประโยชน์ทางเพศ ซึ่งครองสัดส่วนการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบกว่าร้อยละ 42% ของโลก แสดงให้เห็นว่า รูปแบบการแสวงหาผลประโยชน์ มีทิศทางที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ด้วยเหตุนี้ กลยุทธ์การป้องกันจึงควรมุ่งเน้นความสำคัญไปที่ความเสี่ยงด้านโครงสร้างและช่องโหว่ของระบบห่วงโซ่อุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ประชาคมโลกต่างตระหนักเห็นแล้วว่า การป้องกันการค้ามนุษย์เป็นคุณค่าสากลที่ธำรงไว้ซึ่งสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานภายใต้ความมุ่งมั่นพยายามของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ไต้หวันได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่มเทียร์ 1 ด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลอันดับเช่นเดียวกันกับประเทศที่พัฒนาแล้ว เฉกเช่นกลุ่มทวีปยุโรปและสหรัฐฯ อีกทั้งพวกเรายังมุ่งมั่นแสวงหามาตรการที่ครอบคลุมในการป้องกันการอุบัติขึ้น การสืบสวนและดำเนินคดี รวมไปถึงการคุ้มครองเหยื่ออย่างมีประสิทธิภาพ โดยในอนาคต MOI จะอัดฉีดปัจจัยทางเทคโนโลยี และนำผลลัพธ์จากความร่วมมือในประเด็นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบทสรุปที่ได้จากการดำเนินนโยบายไปปรับใช้ในแผนปฏิบัติการในภายภาคหน้า ทั้งนี้ เพื่อผลักดันให้เกิดความครอบคลุมในเครือข่ายความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียต่อไป