ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ปธน.ไล่ชิงเต๋อเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสมัชชาใหญ่สหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเชียและแปซิฟิก (APPU) ครั้งที่ 53
2025-08-29
New Southbound Policy。ปธน.ไล่ชิงเต๋อเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสมัชชาใหญ่สหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเชียและแปซิฟิก (APPU) ครั้งที่ 53 (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
ปธน.ไล่ชิงเต๋อเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสมัชชาใหญ่สหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเชียและแปซิฟิก (APPU) ครั้งที่ 53 (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 28 ส.ค. 68

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 28 สิงหาคม 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวันได้เข้าร่วมพิธีเปิด “การประชุมสมัชชาใหญ่สหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเชียและแปซิฟิก (Asian - Pacific Parliamentarians’ Union, APPU) ครั้งที่ 53” โดยปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อ APPU ที่จัดเวทีการประชุมขึ้นเป็นวาระสม่ำเสมอ เพื่อส่งเสริมให้ประชาคมโลกแลกเปลี่ยนและประสานความร่วมมือกันในด้านการทูตรัฐสภา ตลอดจนกระตุ้นความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคเอเชีย ในอนาคต ไต้หวันจะมุ่งเดินหน้าเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศพันธมิตรและบรรดามิตรประเทศ และยกระดับความสัมพันธ์ทางความร่วมมือกับกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชีย ผ่านเวที APPU เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของไต้หวันในการธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพในภูมิภาค ตลอดจนเพื่อส่งเสริมให้เกิดสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก อย่างยั่งยืนต่อไป
 
ปธน.ไล่ฯ กล่าวให้การต้อนรับบรรดาอาคันตุกะจากนานาประเทศทั่วโลก ที่เดินทางมาเยือนไต้หวัน เพื่อเข้าร่วมการประชุม APPU ในครั้งนี้ พร้อมทั้งระบุว่า การประชุม APPU ได้พัฒนาต่อยอดมาจาก “การประชุมสมัชชาใหญ่สหภาพสมาชิกรัฐสภาเอเชีย” (APU) ที่ริเริ่มจัดตั้งขึ้นโดย Mr. Nobusuke Kishi อดีตนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ซึ่งในปัจจุบันก้าวเข้าสู่ปีที่ 60 แล้ว พวกเราชาวไต้หวันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับสิทธิ์เป็นประเทศเจ้าภาพจัดขึ้นในครั้งนี้
 
ปธน.ไล่ฯ แถลงว่า หัวข้อการประชุม APPU ประจำปีนี้คือ “การเสริมสร้างความยืดหยุ่นของภาคประชาสังคมในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก และความร่วมมือระหว่างรัฐสภา” โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ การเสริมสร้างความยืดหยุ่นในภาคประชาสังคม และการร่วมหารือทิศทางความร่วมมือในประเด็นต่างๆ ซึ่งล้วนแต่สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศของไต้หวัน อีกทั้งยังเป็นประเด็นสำคัญกลุ่มประเทศเอเชียในปัจจุบันอีกด้วย โดยเฉพาะการที่กลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก ต่างต้องร่วมเผชิญหน้ากับสถานการณ์โรคระบาดจากเชื้อไวรัส SARS ในปี พ.ศ. 2545 และไวรัสโควิด – 19 ในปี พ.ศ. 2563 รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ ด้วยเหตุนี้ การเสริมสร้างกลไกความร่วมมือระหว่างประชาคมโลก ผ่านเวที APPU จึงนับว่ามีความสำคัญยิ่ง
 
ปธน.ไล่ฯ เผยว่า ไต้หวันจะเดินหน้าเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ด้วยกลยุทธ์ 3 มิติ ประกอบด้วย
ประการแรก:ไต้หวันจะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการรักษาสันติภาพระดับภูมิภาค ซึ่งขณะนี้ ประชาคมโลกต่างเห็นพ้องตรงกันว่า สันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน เป็นปัจจัยสำคัญด้านความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองในระดับภูมิภาค ไต้หวันไม่เพียงแต่จะต้องแบกรับความรับผิดชอบในการปกป้องความมั่นคงของประเทศชาติแล้ว ยังมีหน้าที่ต้องปกป้องไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในระดับภูมิภาคอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ ไต้หวันจึงได้ประกาศใช้มาตรการ “แผนปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ 4 มิติหลัก” ด้วยการพัฒนาขีดความสามารถทางกลาโหม โดยกำหนดให้งบประมาณทางกลาโหม มีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 3 ของ GDP และคาดว่าจะสามารถพิชิตเป้าหมาย5% ของ GDP ภายในปี พ.ศ. 2573 ตามมาตรฐานที่กำหนดโดยองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) นอกจากนี้ พวกเรายังจะมุ่งเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ ด้วยการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไต้หวัน “วางรากฐานที่มั่นคงในไต้หวัน แผ่ขยายไปสู่ประชาคมโลก ประชาสัมพันธ์สู่เวทีนานาชาติ” ซึ่งจะเห็นได้ว่า จากในปี พ.ศ. 2553 มูลค่าการลงทุนในจีนของผู้ประกอบการไต้หวัน ครองสัดส่วนกว่าร้อยละ 83.8% ของการลงทุนในต่างประเทศทั้งหมด ลดลงมาเหลือเพียงร้อยละ 7% ในปี พ.ศ. 2567 ประกอบกับในปัจจุบัน ไต้หวันได้ปรับเปลี่ยนรากฐานการลงทุนไปสู่ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความร่วมมือกับนานาประเทศทั่วโลก ภายใต้พื้นฐานค่านิยมด้านประชาธิปไตย เสรีภาพและสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ เพื่อร่วมแสดงศักยภาพการสกัดกั้นภัยคุกคามจากประเทศภายนอกอย่างสามัคคี เพื่อให้เกิดการบรรลุสันติภาพด้วยศักยภาพที่มี ตลอดจนยินดีที่จะเปิดการแลกเปลี่ยนและเจรจาความร่วมมือกับจีน ภายใต้หลักการที่เท่าเทียมและสมศักดิ์ศรี เพื่อส่งเสริมให้เกิดสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในสองฝั่งช่องแคบไต้หวันต่อไป
 
ประการที่สอง:การมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือในประเด็นต่างๆ กับประเทศพันธมิตร เมื่อปีที่แล้ว ปธน.ไล่ฯ ได้มีโอกาสเดินทางเยือนตูวาลู สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ และสาธารณรัฐปาเลา โดยได้มีโอกาสเข้าร่วมเป็นสักขีพยานในความร่วมมือด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ระหว่างไต้หวัน – ประเทศพันธมิตรอย่างใกล้ชิด โดยในอนาคต พวกเราจะเดินหน้าจับมือกับญี่ปุ่น สหรัฐฯ ออสเตรเลีย และกลุ่มประเทศในทวีปเอเชีย เพื่อกระชับความร่วมมือในการกระตุ้นพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองให้แก่กันสืบไป
 
ประการสุดท้าย:ไต้หวันจะมุ่งยกระดับความร่วมมือกับกลุ่มประเทศในเอเชีย ผ่านเวทีการประชุม APPU พร้อมทั้งติดต่อเชิญให้ประเทศสมาชิก APPU ให้การสนับสนุนความร่วมมือในมิติต่างๆ กับไต้หวัน เชื่อว่า พลังสามัคคีจะก่อเกิดเป็นศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งนอกจากจะเป็นผลดีต่อกลุ่มประเทศสมาชิกแล้ว ยังมีส่วนช่วยต่อการพัฒนาความรุ่งเรืองในระดับภูมิภาคอีกด้วย