ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
รมช.กต.ไต้หวันให้สัมภาษณ์แก่สื่อต่างๆ จากออสเตรเลีย ทั้งรายการ Asia Rising ที่จัดทำโดยศูนย์วิจัยเอเชียของมหาวิทยาลัย La Trobe University , สำนักข่าว AFR และสถานีโทรทัศน์ Sky News โดยเน้นย้ำความสำคัญของการเข้าร่วม CPTPP ของไต้หวัน และความมุ่งมั่นตั้งใจของไต้หวันในการธำรงปกป้องไว้ซึ่งวิถีชีวิตรูปแบบประชาธิปไตย
2025-09-01
New Southbound Policy。รมช.กต.ไต้หวันให้สัมภาษณ์แก่สื่อต่างๆ จากออสเตรเลีย ทั้งรายการ Asia Rising ที่จัดทำโดยศูนย์วิจัยเอเชียของมหาวิทยาลัย La Trobe University , สำนักข่าว AFR และสถานีโทรทัศน์ Sky News โดยเน้นย้ำความสำคัญของการเข้าร่วม CPTPP ของไต้หวัน และความมุ่งมั่นตั้งใจของไต้หวันในการธำรงปกป้องไว้ซึ่งวิถีชีวิตรูปแบบประชาธิปไตย (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)
รมช.กต.ไต้หวันให้สัมภาษณ์แก่สื่อต่างๆ จากออสเตรเลีย ทั้งรายการ Asia Rising ที่จัดทำโดยศูนย์วิจัยเอเชียของมหาวิทยาลัย La Trobe University , สำนักข่าว AFR และสถานีโทรทัศน์ Sky News โดยเน้นย้ำความสำคัญของการเข้าร่วม CPTPP ของไต้หวัน และความมุ่งมั่นตั้งใจของไต้หวันในการธำรงปกป้องไว้ซึ่งวิถีชีวิตรูปแบบประชาธิปไตย (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)

กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 30 ส.ค. 68
 
เมื่อช่วงที่ผ่านมา นายเฉินหมิงฉี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน ได้ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวรายการ Asia Rising ของ Podcast ที่จัดทำโดยศูนย์วิจัยเอเชียของมหาวิทยาลัย La Trobe University โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ได้รับการเผยแพร่สู่สาธารณชน เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา
 
รมช.เฉินฯ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลออสเตรเลีย และกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน จับมือกันแสดงจุดยืนต่อต้านพฤติกรรมใดๆ ของจีนที่จะส่งผลกระทบต่อการขออนุมัติเข้าร่วม “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” (CPTPP) ของไต้หวัน พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า ไต้หวันเป็นพันธมิตรด้านประชาธิปไตยที่เชื่อถือได้ในโลกนานาชาติ และเป็นพลังสำคัญในการคงไว้ซึ่งความมั่นคงในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก
 
รมช.เฉินฯ ระบุว่า กลไกเศรษฐกิจและการค้าของไต้หวันสอดคล้องกับมาตรฐานขั้นสูงของ CPTPP อันจะเห็นได้จากการที่ไต้หวัน – นิวซีแลนด์ หรือไต้หวัน – สิงคโปร์ ร่วมลงนามกันในความตกลงการค้าเสรี (FTA) นอกจากนี้ ไต้หวันยังมีบันทึกประวัติที่ดีในด้านการเคารพตามกฎระเบียบสากล และไม่เคยข่มขู่ประเทศคู่ค้าใดๆ มาก่อน ซึ่งสอดคล้องต่อ2 ใน 3 หลักการ “Auckland Principles” มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังไม่บรรลุผลตามความคาดหวัง นั่นคือการได้รับการยอมรับที่เห็นพ้องตรงกันของประเทศสมาชิก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจีนจะมิใช่สมาชิกของ CPTPP แต่กลับสร้างแรงกดดันต่อประเทศสมาชิกบางส่วน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมในกรอบความร่วมมือ CPTPP ด้วยเหตุนี้ รมช.เฉินฯ จึงขอเรียกร้องให้ออสเตรเลียและกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ร่วมแสดงจุดยืนต่อต้านพฤติกรรมใดๆ ที่ไม่ประสงค์ดีของจีน
 
รมช.เฉินฯ เน้นย้ำว่า ไต้หวันต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายจากจีนนานับประการ ทั้งการข่มขู่ด้วยกำลังทหาร การลิดรอนสิทธิในเวทีนานาชาติของไต้หวัน และการก่อสงครามไซเบอร์ สงครามจิตวิทยาและการเข้าแทรกซึมในไต้หวัน อย่างไรก็ตาม พวกเราจะยังคงยืนหยัดในการธำรงรักษาสถานภาพเดิมของช่องแคบไต้หวัน และรับมือกับความท้าทายด้วยหลักการและความอดทนต่อไป
 
รมช.เฉินฯ แถลงว่า นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ไม่มีแม้สักวันที่สาธารณรัฐประชาชนจีนได้รับสิทธิ์เข้าบริหารปกครองไต้หวัน เพราะฉะนั้น คำกล่าวอ้างที่ว่า “ไต้หวันเป็นของจีน” จึงมิใช่ข้อเท็จจริงแต่อย่างใด พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นประชาคมโลก ร่วมสานสัมพันธ์กับไต้หวัน ภายใต้ค่านิยมที่ยึดมั่นเช่นเดียวกัน ในโอกาสนี้ รัฐบาลไต้หวันขอแสดงความขอบคุณต่อรัฐสภาออสเตรเลีย ที่ร่วมลงมติผ่านญัตติที่เป็นมิตรต่อไต้หวัน เมื่อปีที่แล้ว (พ.ศ. 2567) โดยระบุชัดว่า ญัตติที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ฉบับที่ 2758 มิได้ระบุถึงการกีดกันไต้หวันเข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศ
 
รมช.เฉินฯ กล่าวว่า ไต้หวันจะมุ่งพัฒนาขีดความสามารถในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่เกิดจากจีน ด้วยการเพิ่มพูนงบประมาณทางกลาโหม ควบคู่ไปกับการยกระดับศักยภาพทางกลาโหม ตลอดจนเสริมสร้างความยืดหยุ่นในการปกป้องภาคประชาสังคม โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะสวมบทบาทเป็นหัวแรงสำคัญที่น่าเชื่อถือในกลุ่มพันธมิตรด้านประชาธิปไตยในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก
 
ในวันเดียวกันนี้ รมช.เฉินฯ ยังได้ให้สัมภาษณ์แก่ Mr. Andrew Tillet ผู้สื่อข่าวด้านการทูตและกลาโหมของสำนักข่าว The Australian Financial Review (AFR) แห่งออสเตรเลีย โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ได้รับการเผยแพร่ผ่านหัวข้อ “ออสเตรเลียสามารถช่วยสกัดกั้นการบ่อนทำลายช่องแคบไต้หวันจากจีนได้” (Australia can help stop China ‘sabotaging’ Taiwan Strait) ไปเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยรมช.เฉินฯ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลออสเตรเลียเร่งยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูต เศรษฐกิจและความมั่นคงกับไต้หวันที่เป็นประชาธิปไตย ควบคู่ไปกับการเรียกร้องให้เรือลาดตระเวณออสเตรเลีย แล่นผ่านช่องแคบไต้หวัน เพื่อช่วยสกัดกั้นภัยคุกคามที่จีนกระทำต่อไต้หวัน ผ่านการข่มขู่ด้วยกำลังทหาร
 
รมช.เฉินฯ เรียกร้องให้รัฐบาลออสเตรเลีย อย่าได้มองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน เนื่องจากไต้หวันมีคุณค่าในแบบเฉพาะของตนเอง (But don’t engage with Taiwan as an appendix of China. Taiwan has its own merits.) พร้อมกันนี้ รมช.เฉินฯ ยังระบุอีกว่า ไต้หวัน - ออสเตรเลีย เป็นคู่ค้าที่สำคัญระหว่างกัน และต่างก็ยึดมั่นในค่านิยมด้านเสรีภาพ ประชาธิปไตยและความหลากหลายทางวัฒนธรรมเช่นเดียวกัน นโยบายที่เกี่ยวข้องกับไต้หวันของออสเตรเลีย สมควรตั้งอยู่บนความสัมพันธ์ทางการค้าแบบทวิภาคี ประกอบกับไต้หวันมีข้อได้เปรียบทางสถานภาพผู้นำด้านอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ รมช.เฉินฯ จึงเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายสามารถเสริมสร้างความร่วมมือกันในด้านพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยี AI ได้ในอนาคตต่อไป
 
ในวันเดียวกันนี้ รมช.เฉินฯ ยังได้ให้สัมภาษณ์แก่ Mr. Tom Connell ผู้สื่อข่าว Sky News ที่ถ่ายทอดผ่านช่องทางสถานีโทรทัศน์ของออสเตรเลีย โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ได้รับการเผยแพร่ผ่านรายการ “Afternoon Tea” เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา รมช.เฉินฯ ได้ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงของไต้หวันในการขออนุมัติเข้าร่วมกรอบความร่วมมือ CPTPP พร้อมเน้นย้ำความมุ่งมั่นตั้งใจของไต้หวัน ที่ต้องการจะมุ่งพัฒนาขีดความสามารถในการปกป้องประเทศด้วยการพึ่งพาตนเอง และธำรงไว้ซึ่งวิถีชีวิตรูปแบบประชาธิปไตยให้คงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน
 
รมช.เฉินฯ ระบุว่า การผลักดันเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศของไต้หวัน มักจะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายไม่สิ้นสุด อย่างไรก็ตาม พวกเรามองว่า การผลักดันเข้าร่วม CPTPP ถือเป็นโอกาสในการเปิดการเสวนากับทุกแวดวงของออสเตรเลีย โดยพวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ออสเตรเลียจะให้การยอมรับไต้หวันเป็นคู่ค้าสำคัญที่สามารถสร้างคุณูปการต่อ CPTPP ได้ อีกทั้งยังได้ระบุว่า ไต้หวันแม้จะมิใช่สมาชิกขององค์การอนามัยโลก (WHO) แต่ในระหว่างการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 พวกเราได้ส่งมอบความช่วยเหลือให้แก่นานาประเทศทั่วโลก ในสัดส่วนที่อาจจะมากกว่าสมาชิก WHO
 
นอกจากนี้ รมช.เฉินฯ ยังได้ตอบข้อซักถามว่า ขณะนี้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลง ประกอบกับปริมาณการผลิตที่มากเกินความจำเป็น จึงไม่ง่ายเลยที่จะเปิดตลาดการค้า เพราะฉะนั้น คำกล่าวที่ว่า จะมุ่งธำรงปกป้องการค้าเสรี จึงเป็นคำกล่าวเพียงลมปากเพียงเท่านั้น
 
รมช.เฉินฯ ยังได้ย้ำเตือนว่า การค้ามีส่วนเกี่ยวพันกับค่านิยม จึงขอให้ออสเตรเลียเลือกคู่ค้าอย่างเหมาะสม ซึ่งจีนมักจะอาศัยการพึ่งพาทางการค้าของประเทศคู่ค้า ในการเข้าแทรกแซงระบอบการเมืองของประเทศนั้นๆ
 
ในปัจจุบันทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก ได้ตระหนักถึงวิกฤตภัยคุกคามที่เกิดจากจีน ซึ่งหลายประเทศต่างกล้าที่จะเป็นกระบอกเสียงให้การสนับสนุนไต้หวันกันเป็นจำนวนเพิ่มมากขึ้น อันจะเห็นได้จากการที่รัฐบาลออสเตรเลียให้ความช่วยเหลือไต้หวัน ในด้านความยืดหยุ่นในการปกป้องภาคประชาสังคม และสวมบทบาทสำคัญในการยกระดับความยืดหยุ่นด้านพลังงานของไต้หวัน เพื่อช่วยให้ไต้หวันเตรียมความพร้อมในการรับมือ นอกจากนี้ รมช.เฉินฯ ยังได้ระบุว่า แผ่นชิปได้กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก เมื่อเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่จีนเข้ารุกรานไต้หวัน ไต้หวันมีหน้าที่ในการรักษาเสถียรภาพของระบบห่วงโซ่เซมิคอนดักเตอร์โลก ให้ยังคงสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น