ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
สถาบันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมดอกไม้ จัดพิธีเปิดป้ายขึ้นแล้ว นับเป็นครั้งแรกที่มีการขับเคลื่อนการยกระดับอุตสาหกรรมด้วยการวิจัยและพัฒนา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับนานาชาติของอุตสาหกรรมดอกไม้
2025-09-02
New Southbound Policy。สถาบันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมดอกไม้ จัดพิธีเปิดป้ายขึ้นแล้ว นับเป็นครั้งแรกที่มีการขับเคลื่อนการยกระดับอุตสาหกรรมด้วยการวิจัยและพัฒนา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับนานาชาติของอุตสาหกรรมดอกไม้ (ภาพจากกระทรวงเกษตร)
สถาบันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมดอกไม้ จัดพิธีเปิดป้ายขึ้นแล้ว นับเป็นครั้งแรกที่มีการขับเคลื่อนการยกระดับอุตสาหกรรมด้วยการวิจัยและพัฒนา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับนานาชาติของอุตสาหกรรมดอกไม้ (ภาพจากกระทรวงเกษตร)

กระทรวงเกษตร วันที่ 1 ก.ย. 68

อุตสาหกรรมดอกไม้ของไต้หวันเปี่ยมด้วยศักยภาพทางการแข่งขันระดับนานาชาติ ถือเป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมเกษตรที่มุ่งเน้นการส่งออก ด้วยข้อได้เปรียบทางเทคโนโลยีและแบรนด์ของประเทศต่างๆ อาทิเช่น เนเธอร์แลนด์, ญี่ปุ่น, จีน และเวียดนาม อุตสาหกรรมดอกไม้ของไต้หวันจึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ผ่านการกำหนดนโยบายและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อรักษาไว้ซึ่งศักยภาพทางการแข่งขันให้สามารถดำเนินต่อไปได้ ด้วยเหตุนี้ กระทรวงเกษตร (Ministry of Agriculture , MOA) จึงได้ประกาศจัดตั้ง “สถาบันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมดอกไม้” (Floral Industry Innovation Center, FIIC) ขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมทั้งจัดพิธีการเข้ารับตำแหน่งของนายไต้ถิงเอิน ผู้อำนวยการคนแรกของ FIIC โดยในระหว่างพิธี นายเฉินจวิ้นจี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ก็ได้ให้เกียรติเข้าร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดป้ายครั้งนี้ด้วย
 
รมว.เฉินฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า สถาบัน FIIC แห่งนี้ ถือเป็นกรณีตัวอย่างแรกที่บูรณาการระหว่างหน่วยงานวิจัยและพัฒนาทางเทคโนโลยี และนิคมอุตสาหกรรมเข้าไว้ด้วยกัน โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า FIIC จะเป็นรากฐานในการพัฒนาอุตสาหกรรมดอกไม้ของไต้หวันต่อไปในอนาคต พร้อมกันนี้ รมว.เฉินฯ ยังได้เน้นย้ำว่า การจัดตั้ง FIIC ไม่เพียงแต่เป็นการส่งมอบกลไกบริการ หรือการยกระดับเทคโนโลยีและการปรับปรุงพื้นที่เท่านั้น แต่ยังเป็นการมุ่งสู่จุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนาเปลี่ยนผ่านอย่างครอบคลุมในระดับนานาชาติ และมุ่งสู่ทิศทางการสร้างมูลค่าเพิ่มและทิศทางรูปแบบอัจฉริยะ อีกทั้งยังเป็นการขานรับต่อวิสัยทัศน์ของประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน ที่ได้ระบุไว้ว่า “ให้โลกได้ชื่นชมความงามของดอกไม้ไต้หวัน และให้โลกได้เห็นความงามของไต้หวัน”
 
รมว.เฉินฯ กล่าวว่า ในด้านกลไกการบริการและการยกระดับเทคโนโลยี FIIC ได้รับมอบหมายให้ดำเนินภารกิจหลักที่ “มุ่งเน้นทิศทางความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และขับเคลื่อนการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมด้วยการวิจัยพัฒนา” ด้วยการส่งมอบการบริการรูปแบบเบ็ดเสร็จ ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ โดยในอนาคต FIIC จะยังคงเดินหน้าสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรมและภาควิชาการ เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนและการเปลี่ยนผ่านสีเขียว อันจะนำไปสู่การจัดสร้างชุมชนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดอกไม้ที่เปี่ยมด้วยศักยภาพทางการแข่งขัน อย่างค่อยเป็นค่อยไป
 
MOA แถลงว่า ในส่วนของการปรับปรุงพื้นที่นั้น สวนเทคโนโลยีชีวภาพกล้วยไม้ไต้หวัน (Taiwan Orchid Technology Park) ที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2546 ประสบความสำเร็จในการวางรากฐานชื่อเสียงของอุตสาหกรรมดอกกล้วยไม้ไต้หวัน อันจะเห็นได้จากในปี 2567 ยอดการส่งออกดอกไม้จากไต้หวันไปสู่ตลาดต่างประเทศ สร้างมูลค่ารวมทั้งสิ้น 6,500 ล้านเหรียญไต้หวัน ในจำนวนนี้ ดอกกล้วยไม้ในสกุลต่างๆ ครองสัดส่วนแล้วกว่า 6,000 ล้านเหรียญไต้หวัน หรือคิดเป็นร้อยละ 90 ของอัตราการส่งออกดอกไม้สู่ตลาดต่างประเทศ
 
FIIC เป็นหน่วยงานระดับ 4 ภายใต้กระทรวงเกษตร ซึ่งจะมุ่งบูรณาการทรัพยากรจากสวนเทคโนโลยีชีวภาพกล้วยไม้ไต้หวัน และห้องปฏิบัติการทดลองพันธุ์ดอกไม้ ภายใต้สถาบันวิจัยการเกษตรของ MOA เพื่อสวมบทบาทเป็นหน่วยงานเฉพาะทางที่เพรียบพร้อมไปด้วยศักยภาพการวิจัยพัฒนา และมีหน้าที่ในการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรม โดย FIIC จะทำการบูรณาการทรัพยากรต่างๆ อย่างเป็นระบบ ทั้งการวิจัยพัฒนา การทดสอบแบบแซนด์บ็อกซ์ การตรวจสอบทางเทคโนโลยี การบริการทางอุตสาหกรรม เป็นต้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาตัวช่วยทางเทคโนโลยีที่ครอบคลุมวงจรชีวิตของระบบห่วงโซ่ ตั้งแต่การเพาะเมล็ดพันธุ์ การผลิต การจัดการหลังเก็บเกี่ยว ระบบขนส่งควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistics) ไปจนถึงการตลาด พร้อมทั้งจะช่วยชี้แนะให้ผู้ประกอบการนำระบบการผลิตรูปแบบอัตโนมัติ อัจฉริยะและสอดคล้องตามมาตรฐานคาร์บอนต่ำมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและรักษาคุณภาพที่คงเสถียรภาพ