ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
นรม.ไต้หวันเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือกิจการตำรวจระหว่างประเทศ ปี 2568 โดยเรียกร้องให้ประชาคมโลกให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมในองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ ( INTERPOL) เพื่อร่วมสร้างเกราะป้องกันความมั่นคงประเทศที่แข็งแกร่ง
2025-09-03
New Southbound Policy。นรม.ไต้หวันเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือกิจการตำรวจระหว่างประเทศ ปี 2568 โดยเรียกร้องให้ประชาคมโลกให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมในองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ ( INTERPOL) เพื่อร่วมสร้างเกราะป้องกันความมั่นคงประเทศที่แข็งแกร่ง (ภาพจากสภาบริหาร)
นรม.ไต้หวันเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือกิจการตำรวจระหว่างประเทศ ปี 2568 โดยเรียกร้องให้ประชาคมโลกให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมในองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ ( INTERPOL) เพื่อร่วมสร้างเกราะป้องกันความมั่นคงประเทศที่แข็งแกร่ง (ภาพจากสภาบริหาร)

สภาบริหาร วันที่ 2 ก.ย. 68
 
เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 นายจั๋วหรงไท่ นายกรัฐมนตรีไต้หวัน เข้าร่วม “การประชุมความร่วมมือกิจการตำรวจระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2568” โดย นรม.จั๋วฯ ได้ให้การต้อนรับบรรดาอาคันตุกะทุกท่านที่เดินทางมาเยือนไต้หวัน ในฐานะตัวแทนของประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ และภาคประชาชนชาวไต้หวัน
 
หัวข้อการประชุมประจำปีนี้คือ การร่วมปราบปรามการก่ออาชญากรรมข้ามพรมแดน ม้ว่าความก้าวหน้าทางการพัฒนาเทคโนโลยีและการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ จะนำมาซึ่งวิถีชีวิตที่สะดวกสบายเพิ่มมากขึ้น แต่ขณะเดียวกัน แนวทางการก่ออาชญากรรม นับวันก็ยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน ก่อให้เกิดเป็นภัยคุกคามและความท้าทายขั้นรุนแรงต่อความมั่นคงทางสังคมและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ การรวมตัวของผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะกระชับความร่วมมือระหว่างประเทศและสร้างกลไกการป้องกันความมั่นคงร่วมกัน โดยเฉพาะหลายปีมานี้ การก่ออาชญากรรมแบบข้ามพรมแดน นับวันยิ่งมีรูปแบบที่หลากหลายขึ้น และดำเนินงานในลักษณะเครือข่ายหรือขบวนการอย่างเป็นระบบ ทั้งการฉ้อโกง การฟอกเงิน การค้ามนุษย์ การก่ออาชญากรรมไซเบอร์ และการค้ายาเสพติด เป็นต้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือทางสังคมและความปลอดภัยของภาคประชาชน ไต้หวันในฐานะที่เป็นอาณาจักรแห่งอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับโลก พวกเราตระหนักดีว่า การพัฒนาทางเทคโนโลยีสามารถเพิ่มความสะดวกสบายในวิถีชีวิตประจำวัน แต่ขณะเดียวกัน ก็ก่อเกิดเป็นความท้าทายต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงจะมุ่งปรับปรุงพัฒนานโยบายและกฎระเบียบต่างๆ เพื่อการสกัดกั้นการก่ออาชญากรรมด้วยรูปแบบนวัตกรรม
 
นรม.จั๋วฯ ระบุว่า รัฐบาลดำเนินการตาม “แผนปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์เพื่อปราบปรามการฉ้อโกงในยุคสมัยใหม่” นับตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา ซึ่งในปัจจุบัน ได้พัฒนามาสู่เวอร์ชัน 2.0 แล้ว แผนการข้างต้นนี้มุ่งเน้นการพัฒนาความร่วมมือแบบข้ามหน่วยงานและข้ามแวดวง ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI สกัดกั้นการฉ้อโกง และกำกับควบคุมผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล ตลอดจนอาศัยเทคโนโลยีและระบบกฎหมาย เพื่อร่วมกันปราบปรามการฉ้อโกง
 
ในแง่การป้องกันการค้ามนุษย์ พวกเราจะมุ่งรับมือด้วย 4 วิธีการ ทั้งการป้องกัน การยับยั้ง การให้ความช่วยเหลือและการสืบสวนเพื่อดำเนินคดี ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ข้อมูลมหัต (Big Data) และเทคโนโลยี AI เพื่อระบุเครือข่ายและเหยื่อการค้ามนุษย์ที่อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ ตลอดจนร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองกับหุ้นส่วนนานาชาติ
 
นอกจากนี้ นรม.จั๋วฯ ได้เน้นย้ำว่า การรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด เป็นภารกิจอันดับต้นๆ ที่รัฐบาลไต้หวันมุ่งดำเนินการอย่างกระตือรือร้น อันจะเห็นได้จาก “แผนปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์ว่าด้วยการต่อต้านยาเสพติดในยุคสมัยใหม่” ได้รุดหน้าเข้าสู่ระยะที่ 3 แล้ว โดยมุ่งเน้นความสำคัญไปที่ความร่วมมือระหว่างประเทศในการปราบปรามยาเสพติด ภายใต้แนวคิดข้างต้น ไต้หวัน - สหรัฐฯ จึงได้ร่วมลงนาม “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนและแบ่งปันข้อมูลการค้ายาเสพติดแบบข้ามพรมแดน” ไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ พวกเรายังมีการบังคับใช้มาตรการการระบุตัวเลขล็อตสินค้าบนเครื่องตอกเม็ดยาและชิ้นส่วนอะไหล่สำคัญเพื่อการส่งออก นับตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งคล้ายคลึงกับกลไกการจัดการควบคุมอาวุธปืน ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้เครื่องอัดเม็ดยา หลุดรอดเข้าสู่ตลาดผิดกฎหมาย ซึ่งมาตรการเช่นนี้ถือเป็นกรณีตัวอย่างแรกในภูมิภาคเอเชีย สะท้อนให้เห็นถึงหน้าที่ความรับผิดชอบของไต้หวันในการแก้ไขปัญหายาเสพติด
 
ไต้หวันตระหนักเห็นว่า เมื่อเผชิญหน้ากับแนวทางการก่ออาชญากรรมแบบข้ามพรมแดนรูปแบบใหม่ เราจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถในการบังคับใช้กฎหมายด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะการวิเคราะห์ข้อมูลมหัต การติดตามเครือข่าย การปิดกั้นเว็บไซต์ผิดกฎหมาย รวมถึงการตรวจสอบทางดิจิทัล นรม.จั๋วฯ เชื่อว่า การประสานความร่วมมือระหว่างรัฐบาล หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย สถาบันการเงิน และบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ จะสามารถร่วมสร้างสภาพแวดล้อมบนโลกอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
 
นรม.จั๋วฯ กล่าวว่า ท่ามกลางยุคโลกาภิวัฒน์เช่นนี้ การก่ออาชญากรรมไร้พรมแดนจำกัด ด้วยเหตุนี้ การบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศจึงมีความสำคัญยิ่ง มีเพียงการประสานงานอย่างใกล้ชิด การแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง และการแลกเปลี่ยนอย่างเป็นมืออาชีพเท่านั้น ที่จะช่วยให้เราสามารถสกัดกั้นเครือข่ายการก่ออาชญากรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไต้หวันมีศักยภาพ ความสมัครใจ และมีความรับผิดชอบในการธำรงรักษาความมั่นคงและความสงบสุขของโลกใบนี้ร่วมกับประชาสังคมและประชาคมโลก ในโอกาสนี้ นรม.จั๋วฯ ขอเรียกร้องให้นานาประเทศทั่วโลก ร่วมแสวงหาจุดสมดุลระหว่างการปกป้องอำนาจอธิปไตยของศาล และประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย พร้อมทั้งให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมอย่างมีความหมายในองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (International Criminal Police Organization, INTERPOL) ทั้งนี้ เพื่อให้การติดตามจับกุมผู้หลบหนีและการแบ่งปันข่าวกรอง มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น