
กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงสิ่งแวดล้อม วันที่ 1 ต.ค. 68
Hon. Rolando De Barros Barreto รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืนของสาธารณรัฐปารากวัย และภริยา ตอบรับคำเชิญของกระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน (MOFA) นำคณะตัวแทนเดินทางเยือนไต้หวัน ในช่วงระหว่างวันที่ 30 กันยายน – 5 ตุลาคม 2568 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รมว. Barreto เดินทางเยือนไต้หวัน หลังการเข้ารับตำแหน่ง จึงเปี่ยมด้วยนัยยะพิเศษยิ่ง ในการเสริมสร้างความร่วมมือแบบทวิภาคีในครั้งนี้
ระหว่างการเดินทางเยือนไต้หวัน รมว. Barreto และนายเผิงฉี่หมิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมไต้หวัน (MOENV) ได้ร่วมลงนาม “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือภายใต้ความตกลงปารีส” (Paris Agreement) หรือบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านคาร์บอนเครดิต ภายใต้การประสานความร่วมมือระหว่าง MOFA - MOENV และภายใต้การส่งเสริมของสถานเอกอัครราชทูตไต้หวันประจำปารากวัย โดยมีนายเก๋อเป่าเซวียน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายเซี่ยเหยี่ยนหรู รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในช่วงเวลาอันสำคัญทางความร่วมมือ ระหว่างไต้หวัน - ปารากวัย เพื่อร่วมพิชิตเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ และการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว
การลงนามในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ไต้หวัน - ปารากวัย ต่างเคารพซึ่งจิตวิญญาณของกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) และความตกลงปารีส (Paris Agreement) แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมในองค์การด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ โดยตลอดช่วงที่ผ่านมา ไต้หวันมุ่งผลักดันความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ตามหลักการ “การทูตเชิงบูรณาการ” และจับมือกับปารากวัยส่งเสริม “แผนปฏิบัติการคาร์บอนเครดิต เพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศพันธมิตร” โดยทั้งสองฝ่ายต่างประสานความร่วมมือกันในการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสีเขียวและการยกระดับอุตสาหกรรม ด้วยการเปิดฉากความร่วมมือในด้านต่างๆ อย่างครอบคลุม ทั้งกฎระเบียบของตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิต โครงสร้างการบริหาร การฝึกอบรมบุคลากรมืออาชีพ และการเสริมสร้างศักยภาพ ทั้งนี้ เพื่อเร่งบรรลุเป้าหมายความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเพื่อขานรับต่อเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2050
MOENV แถลงว่า ในพิธีลงนามครั้งนี้ ยังได้ติดต่อเชิญตัวแทนพันธมิตร Green Growth Alliance และตัวแทนบริษัท 17 ราย รวมถึงองค์การ Taiwan Carbon Solution Exchange (TCX) , MOFA และ MOENV เข้าร่วมแลกเปลี่ยนกันในประเด็นการบริหารสิ่งแวดล้อมแบบทวิภาคี โดยรมว.เผิงฯ กล่าวว่า พวกเราได้ยื่นเสนอ “การกำหนดคุณประโยชน์แห่งชาติ” (Nationally Determined Contributions, NDCs 3.0) ไปเมื่อช่วงปีที่แล้ว โดยได้วางแผนการลดคาร์บอนในปี 2030 ให้ครอบคลุม 28% (±2%) และยกระดับไปสู่ 38% (±2%) ภายในปี 2035 และจะจับมือกับหุ้นส่วนนานาชาติในการพิชิตเป้าหมายต่อไปในอนาคต ส่วนพลังงานหมุนเวียนของปารากวัย มีข้อได้เปรียบทางธรรมชาติ และได้มีการจัดตั้งกรอบโครงสร้างทางกฎหมายที่สอดคล้องต่อกฎระเบียบความตกลงปารีสแล้ว จึงส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายมีข้อได้เปรียบที่เกื้อหนุนแก่กัน
รมว. Barreto กล่าวว่า ไต้หวันเป็นพันธมิตรทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งของปารากวัย ทั้งสองฝ่ายสามารถบูรณาการนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของไต้หวัน และทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของปารากวัย ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และจับมือกันร่วมอภิปรายทบทวนกลไกตลาดคาร์บอน บริการทางระบบนิเวศ การส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน และการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน