
กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 1 ต.ค. 68
กระทรวงการต่างประเทศของไต้หวัน ขอประณามอย่างรุนแรง ต่อกรณีที่รัฐบาลจีนประกาศเผยแพร่เอกสารที่แสดงจุดยืนที่ขัดต่อข้อเท็จจริงของญัตติที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ฉบับที่ 2758 ซึ่งสร้างความสับสนให้แก่ประชาคมโลก
กต.ไต้หวันแถลงว่า รัฐบาลจีนได้กล่าวอ้างว่าญัตติที่ประชุม ฉบับที่ 2758 มีความสอดคล้องต่อ “หลักการจีนเดียว” และเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างครอบคลุม ทั้งในด้านการเมือง กฎหมายและกระบวนการ ซึ่งรวมถึงประเด็นปัญหาสิทธิการเป็นตัวแทนของจีน ที่รวมถึงไต้หวัน บนเวทีสหประชาชาติ ซึ่งข้อความดังกล่าวนี้ เป็นการจงใจสร้างความสับสนให้แก่ประชาคมโลก และแสดงถึงความมุ่งหวังของจีนที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมในปัจจุบันของช่องแคบไต้หวัน และยังเป็นการสร้างรากฐานทางกฎหมายในการบุกรุกรานไต้หวัน ด้วยกำลังอาวุธในภายภาคหน้า
กต.ไต้หวันเน้นย้ำว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนไม่เคยเข้าปกครองในไต้หวัน จึงอาจกล่าวได้ว่า สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และสาธารณรัฐประชาชนจีน มิได้เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ซึ่งนอกจากจะเป็นสถานภาพในปัจจุบันแล้ว ยังเป็นข้อเท็จจริงที่ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลกอีกด้วย มีเพียงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนชาวไต้หวัน จึงจะมีสิทธิเป็นตัวแทนของภาคประชาชนชาวไต้หวัน จำนวน 23 ล้านคน บนเวที UN รวมถึงกลไกระหว่างประเทศแบบพหุภาคี
กต.ไต้หวันแสดงจุดยืนย้ำชัดว่า รัฐบาลจีนจงใจสร้างความเชื่อมโยง ระหว่างญัตติฉบับที่ 2758 และ “หลักการจีนเดียว” อย่างไรก็ตาม ญัตติ 2758 ระบุไว้เพียง “ขอขับไล่ตัวแทนของเจียงไคเช็คออกจากตำแหน่งที่พวกเขายึดครองโดยมิชอบในสหประชาชาติ และองค์การที่เกี่ยวข้องทั้งหมดโดยทันที” (Expel forthwith the representatives of Chiang Kai-shek from the place which they unlawfully occupy at the United Nations and in all the organizations related to it.) ซึ่งมิได้มีการหยิบยกถึงไต้หวันเลย และมิได้มีการระบุถึงอำนาจอธิปไตยของไต้หวัน และแน่นอนว่า มิได้มีการประกาศว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีนแต่อย่างใด ในแง่มุมกฎหมาย ไต้หวันไม่เคยมอบอำนาจให้แก่สาธารณรัฐประชาชนจีน ในการเป็นตัวแทนของไต้หวันหรือภาคประชาชนชาวไต้หวัน ในหน่วยงาน UN หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเลย สาเหตุที่จีนจงใจบิดเบือนญัตติ 2758 เพื่อต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่า ประชาคมโลกได้ยอมรับซึ่ง “หลักการจีนเดียว” แล้ว ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่สมควรและไร้สาระสิ้นดี อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของจีน ที่ต้องการจะบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศ ที่ตั้งอยู่บนกฎกติกาสากล
กต.ไต้หวัน แถลงว่า ความขัดแย้งของญัตติ 2758 ควรได้รับการปรับปรุงแก้ไขให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ดังนี้ :
1. ญัตติ 2758 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไต้หวัน ญัตติดังกล่าวมิได้กีดกันการเข้าร่วมของไต้หวันในระบบสหประชาชาติและการประชุมแบบพหุภาคี
2. จีนต้องการบีบรัดพื้นที่บนเวทีนานาชาติของไต้หวัน ผ่านการบิดเบือนข้อความในญัตติ 2758 อีกทั้งยังตีความนโยบายของนานาประเทศในทิศทางที่ผิด เพื่อต้องการจำกัดสิทธิในการเลือกข้างอย่างเสรีของนานาประเทศ ซึ่งพฤติกรรมของ UN ขัดแย้งต่อหลักการสากลตามที่ระบุไว้ใน “กฎบัตรสหประชาชาติ”
3. สาธารณรัฐจีนและสาธารณรัฐประชาชนจีน มิได้เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน เพราะฉะนั้น สาธารณรัฐประชาชนจีน จึงไม่เคยได้เข้าปกครองไต้หวันเลยแม้แต่วันเดียว มีเพียงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงผ่านกระบวนการประชาธิปไตยเท่านั้น จึงจะสามารถมีสิทธิเป็นตัวแทนของไต้หวันบนเวที UN และองค์การระหว่างประเทศอื่นๆ ได้
กต.ไต้หวันเน้นย้ำว่า หลังสิ้นสุดสงครามโลก ครั้งที่ 2 “สนธิสัญญาซานฟรานซิสโก” “ปฏิญญาไคโร” และ“ปฏิญญาพ็อทซ์ดัม” ที่มีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย ต่างก็มิได้ยกไต้หวันให้ตกอยู่ภายใต้การดูแลของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในมุมมองกลับกัน ไต้หวันริเริ่มผลักดันเสรีภาพทางการเมืองและการเปลี่ยนผ่านสู่กระบวนการประชาธิปไตย นับตั้งแต่กลางปี ค.ศ. 1980 โดยได้ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านจากล่างสู่บน และได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรงขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1996 รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐบาลสาธารณรัฐจีน ก็ได้รับการเลือกตั้งมาจากภาคประชาชน ซึ่งมีหน้าที่บริหารปกครองประเทศชาติ และเป็นตัวแทนของไต้หวันบนเวทีนานาชาติ ตลอดจนเป็นการกำหนดสถานภาพความเท่าเทียมกันของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) – สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มิได้ขึ้นตรงต่อกัน หลังจากนั้น ไต้หวันก็ได้ถ่ายโอนอำนาจบริหารของพรรคการเมือง ในปี ค.ศ. 2000 , 2008 และ 2016 ซึ่งถือเป็นการเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตยให้เกิดความแข็งแกร่ง อีกทั้งยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้และความปึกแผ่นของภาคประชาชน ตลอดจนสะท้อนให้เห็นแนวคิดและความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของภาคประชาชนชาวไต้หวัน ในการแสวงหาเสรีภาพและประชาธิปไตย
กต.ไต้หวันชี้แจงว่า สำนักเลขาธิการสหประชาชาติยอมศิโรราบต่อแรงกดดันจากรัฐบาลจีน ด้วยการยอมรับการตีความญัตติ 2758 ในทิศทางที่ขัดต่อข้อเท็จจริง ขัดขวางการเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศของไต้หวัน และพยายามจำกัดสิทธิในการเลือกข้างอย่างเสรีของนานาประเทศ พฤติกรรมเช่นนี้นอกจากจะขัดแย้งต่อหลักการที่สากลระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงอคติและความไร้ประสิทธิภาพของสหประชาชาติอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ไต้หวันในฐานะที่เป็นประเทศสมาชิกของประชาคมโลกที่มีความรับผิดชอบ พวกเราจะยังคงมุ่งมั่นธำรงรักษาสถานภาพเดิมในปัจจุบัน และส่งเสริมให้ประเทศพันธมิตร ร่วมแสดงจุดยืนต่อต้านข้อความที่ไม่เป็นจริงจากจีน โดยไต้หวันจะเดินหน้าเสริมสร้างความร่วมมือกับกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมปกป้องรักษาสันติภาพในช่องแคบไต้หวันและภูมิภาค รวมถึงความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก ให้คงอยู่สืบไป