ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
กต.ไต้หวันขอบคุณกลุ่มประเทศพันธมิตร ประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันและมิตรประเทศ ที่ร่วมเป็นกระบอกเสียง ชี้ให้เห็นความจำเป็นและความเหมาะสมของไต้หวัน ในการเข้าร่วมกิจกรรมภายใต้ระบบสหประชาชาติ
2025-10-07
New Southbound Policy。กต.ไต้หวันขอบคุณกลุ่มประเทศพันธมิตร ประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันและมิตรประเทศ ที่ร่วมเป็นกระบอกเสียง ชี้ให้เห็นความจำเป็นและความเหมาะสมของไต้หวัน ในการเข้าร่วมกิจกรรมภายใต้ระบบสหประชาชาติ (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)
กต.ไต้หวันขอบคุณกลุ่มประเทศพันธมิตร ประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันและมิตรประเทศ ที่ร่วมเป็นกระบอกเสียง ชี้ให้เห็นความจำเป็นและความเหมาะสมของไต้หวัน ในการเข้าร่วมกิจกรรมภายใต้ระบบสหประชาชาติ (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)

กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 3 ต.ค. 68
 
การอภิปรายทั่วไปของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ 80 ปิดฉากลงเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ตามเวลาในเขตตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ในระหว่างนี้ ตัวแทนกลุ่มประเทศพันธมิตร ประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันและบรรดามิตรประเทศของไต้หวัน ต่างทยอยทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวัน เข้าร่วมการประชุมภายใต้ UN ด้วยวิธีการที่หลากหลายอย่างหนักแน่น พร้อมทั้งแสดงจุดยืนต่อต้านญัตติที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ฉบับที่ 2758 ที่บิดเบือนข้อเท็จจริงโดยรัฐบาลจีน ซึ่งมีส่วนช่วยให้ประชาคมโลกเกิดความเข้าใจในทิศทางที่ถูกต้อง และเฝ้าจับตาต่อกรณีที่ไต้หวันถูกกีดกันอย่างไม่เป็นธรรมต่อเนื่อง กระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความขอบคุณด้วยใจจริง
 
เจ้าหน้าที่ภาครัฐระดับสูงของประเทศพันธมิตร อาทิ สาธารณรัฐปารากวัย สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ ราชอาณาจักรเอสวาตินี สาธารณรัฐปาเลา เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ เบลีซ ตูวาลู เซนต์คิดส์และเนวิส เซนต์ลูเซีย และสาธารณรัฐกัวเตมาลา ต่างร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวัน ผ่านวิธีการที่หลากหลาย นอกจากนี้ คณะผู้แทนประเทศพันธมิตรของไต้หวันที่ประจำการอยู่ในสหประชาชาติ อาทิ หมู่เกาะมาร์แชลล์ เซนต์คิดส์และเนวิส เบลีซ กัวเตมาลา ปาเลาและตูวาลู ได้ร่วมลงนามในหนังสือเรียกร้องและยื่นส่งให้สำนักเลขาธิการสหประชาชาติ โดย UN ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐระดับสูงออกหน้าเป็นตัวแทนรับมอบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า แผนข้อเรียกร้องของไต้หวัน ได้รับความสำคัญจาก UN
 
ส่วนกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันนั้น H.E. Petr Pavel ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเช็ก ได้ระบุเน้นย้ำความสำคัญของสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ในระหว่างการอภิปรายทั่วไปนับตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา นอกจากนี้ แถลงการณ์หลัง “การประชุมรัฐมนตรีการต่างประเทศ ระหว่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้” และ “การประชุมระดับรัฐมนตรี ระหว่างออสเตรเลีย – อังกฤษ” (AUKMIN) ก็ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน พร้อมทั้งแสดงจุดยืนให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมอย่างมีความหมายในองค์การระหว่างประเทศ นอกจากนี้ Mr. Simon Harris รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีการต่างประเทศไอร์แลนด์ Mr. Andreas Carlson รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานเชิงสาธารณูปโภคของสวีเดน และกระทรวงการต่างประเทศของสหภาพยุโรป (EEAS) ต่างก็แสดงจุดยืนให้การสนับสนุนไต้หวันในการคว้าสิทธิ์เข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศ ในระหว่างการตอบข้อซักถามในที่ประชุมรัฐสภา และตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน
 
นอกจากนี้ วุฒิสภาสหรัฐฯ และที่ประชุมสภาจาก 30 มลรัฐ สภาผู้แทนราษฎรเนเธอร์แลนด์ รัฐสภากัวเตมาลา และรัฐสภาเซนต์คิดส์และเนวิส รวมถึงสมาชิกสภานับร้อยคนจากทั่วโลก ต่างก็ลงมติในญัตติที่เป็นมิตรต่อไต้หวันในปีนี้ และยื่นส่งหนังสือเรียกร้องเพื่อเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันในการเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศ โดยได้รวมพลังกันเรียกร้องให้ไต้หวันได้รับเชิญให้เข้าสู่หน่วยงานและกลไกแบบพหุภาคี อย่างเช่น ระบบ UN
 
ต่อกรณีที่รัฐบาลจีนจงใจบิดเบือนญัตติ 2758 เพื่อต้องการขัดขวางไต้หวันมิให้เข้าร่วมในกลไกแบบพหุภาคีนั้น นอกเหนือจากกลุ่มประเทศพันธมิตรของไต้หวัน 5 ประเทศ ประกอบด้วย หมู่เกาะมาร์แชลล์ ปาเลา เอสวาตินี ตูวาลูและเซนต์ลูเซีย ที่ได้แสดงจุดยืนคัดค้านอย่างหนักแน่นในการอภิปรายทั่วไปแล้ว นับตั้งแต่ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศจุดยืนต่อต้าน รวม 4 ประการในเดือนเมษายน 2567 แล้ว ตราบจนปัจจุบัน มีหน่วยงานสภาบริหารและหน่วยงานนิติบัญญัติ รวม 20 ประเทศ และสหภาพยุโรปที่ร่วมแสดงจุดยืนต่อต้านคำกล่าวอ้างของจีนอย่างเปิดเผย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ภายใต้ความมุ่งมั่นพยายามอย่างกระตือรือร้นของรัฐบาล นับวันประชาคมโลกยิ่งเกิดความเข้าใจในทิศทางที่ถูกต้องต่อญัตติ 2758 ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการคานอำนาจจากพฤติกรรมของจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
นับเป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้ที่ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดประจำปี Concordia ซึ่งถือเป็นองค์การนอกภาครัฐแห่งนครนิวยอร์ก โดยปธน.ไล่ฯ ได้เข้าร่วมแสดงปาฐกถาผ่านการบันทึกวิดีทัศน์ล่วงหน้า ซึ่งได้เน้นย้ำว่า สามัคคีคือพลัง มีเพียงการประสานความร่วมมือเท่านั้นจึงจะก่อให้เกิดอนาคต มีเพียงการจับมือกันอย่างสามัคคี จึงจะสามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้ นอกจากนี้ ปธน.ไล่ฯ ยังได้แสดงจุดยืนเน้นย้ำว่า ไต้หวันยินดีที่จะจับมือกับพันธมิตรประชาธิปไตยโลก ในการร่วมสร้างโลกที่มีความมั่นคง มีเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้ นายหลี่อวี้เจี๋ย สมาชิกคณะกรรมการที่ปรึกษาสภาความมั่นคงแห่งชาติไต้หวัน ก็ได้ร่วมเสวนาพูดคุยกับ Mr. Mark Hannah ผู้อำนวยการ “สถาบันวิจัยกิจการระดับโลก” (Institute for Global Affairs) โดยเน้นย้ำว่า การอภิปรายในประเด็น “เทคโนโลยี AI” ของไต้หวันที่มีต่อสหประชาชาติ จะสามารถสร้างคุณูปการต่อประชาคมโลกได้อย่างเพิ่มพูน เพียงแค่เปิดรับไต้หวัน นานาประเทศก็จะพลอยได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย
 
จวบจนวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา บทความพิเศษของนายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวัน รวมถึงบทความของสำนักงานตัวแทนรัฐบาลไต้หวันประจำต่างประเทศ แถลงการณ์การให้สัมภาษณ์ของผู้อำนวยการสนง.ตัวแทน และรายงานข่าวที่เป็นมิตรต่อไต้หวัน ได้รับการตีพิมพ์จากสื่อแนวหน้ารวม 349 บทความจาก 48 ประเทศ อาทิ สำนักข่าว BBC ของอังกฤษ The New York Sun ของสหรัฐฯ The Hill Times ของแคนาดา เป็นต้น ประกอบกับกต.ไต้หวัน และสนง.ตัวแทนไต้หวันในต่างแดน ต่างทยอยโพสต์บทความลงในแพลตฟอร์มสื่อโซเชียล อย่างเฟซบุ๊ก , X , Threads เป็นต้น รวม 1,252 รายการ ซึ่งมียอดเข้าชมสะสม สูงถึง 1.113 ล้านคนครั้ง
 
ในโอกาสนี้ กต.ไต้หวันยังได้แสดงความขอบคุณต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติไต้หวันที่รวมกลุ่มกันเป็นคณะสังเกตการณ์แบบข้ามพรรค เดินทางเยือนนครนิวยอร์ก เพื่อจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยกต.ไต้หวันได้ประยุกต์ใช้จอแสดงผล LED บนหลังคาแท็กซี่และรถประชาสัมพันธ์แบบเคลื่อนที่ ผนวกเข้ากับแผ่นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ที่กลุ่มชาวจีนโพ้นทะเลร่วมจัดทำ เพื่อเป็นสื่อกลางเรียกร้อง บริเวณหน้าลานจตุรัส Times Square แลนด์มาร์กในนครนิวยอร์ก เพื่อแสดงให้เห็นว่า มีเพียง “การร่วมสู้ไปด้วยกัน” (Chip in with Taiwan) จึงจะสามารถบรรลุแนวคิด “การจับมือกันเดินหน้า” ซึ่งเป็นเป้าหมายของการประชุมประจำปีนี้
 
กต.ไต้หวันเน้นย้ำว่า “สนธิสัญญาซานฟรานซิสโก” ภายหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 มิได้ยกไต้หวันให้อยู่ภายใต้การครอบครองของสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงจะสามารถสรุปได้ว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนไม่เคยเข้าปกครองไต้หวัน เพราะฉะนั้น ไต้หวันจึงไม่ใช่ส่วนหนึ่งของจีน ประกอบกับญัตติ 2758 มิได้มีการระบุถึงไต้หวัน และมิได้บ่งชี้ถึงสิทธิเหนืออำนาจอธิปไตยของไต้หวัน ตลอดจนมิได้มีการระบุว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถใช้เป็นหลักอ้างอิงในการกีดกันไต้หวัน มิให้เข้าร่วมองค์การภายใต้ระบบ UN และองค์การระหว่างประเทศอื่นๆ ได้ มีเพียงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจากภาคประชาชน จึงจะมีสิทธิเป็นตัวแทนของภาคประชาชนชาวไต้หวัน 23 ล้านคน บนเวที UN และกลไกแบบพหุภาคีได้ ในโอกาสนี้ กต.ไต้หวันขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมต่อต้านเจตนารมณ์ของจีน ที่ต้องการจะกำหนดให้ประเด็นไต้หวันเป็นประเด็นปัญหาทางการเมืองของจีน ผ่านนิติสงคราม ควบคู่ไปกับการรักษาสถานภาพเดิมในปัจจุบัน รวมถึงสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก ให้คงอยู่สืบไปอย่างยั่งยืน และขอให้ UN ยุติการยอมจำนนต่อแรงกดดันจากจีน เปิดรับการเข้าร่วมของไต้หวันอย่างครอบคลุม เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการ “ไม่ละทิ้งผู้ใดไว้เบื้องหลัง” และ “ความครอบคลุม” ที่กำหนดไว้โดย UN อันจะเป็นการส่งเสริมให้มวลมนุษยชาติได้รับอานิสงส์จากประสบการณ์ของไต้หวันกันโดยถ้วนหน้า