กระทรวงมหาดไทย วันที่ 30 ก.ย. 68
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ประกาศรายงานผลการประเมินด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์โลก ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยไต้หวันยังคงได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่มเทียร์ 1 ด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ติดต่อกันเป็นปีที่ 16 นายหลิวซื่อฟาง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รัฐบาลไต้หวันจะเดินหน้าดำเนินมาตรการเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างกระตือรือร้นต่อไป ซึ่งหมายรวมถึงกฎหมายการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และแผนปฏิบัติการด้านสิทธิมนุษยชนและแรงงานประมงที่ได้รับการปรับปรุงแก้ไขและบังคับใช้ในปี พ.ศ. 2567 ซึ่งผลสัมฤทธิ์ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายจากประชาคมโลก
รมว.หลิวฯ กล่าวอีกว่า ในปีนี้รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ยื่นเสนอข้อชี้แนะรวม 11 รายการในรายงานผลการประเมิน ซึ่งครอบคลุมการแก้ไขกฎหมายด้านแรงงาน โดยอนุมัติให้แรงงานข้ามชาติสามารถเปลี่ยนงานได้โดยไม่ต้องได้รับการอนุญาตจากผู้ว่าจ้าง ภายในระยะเวลาที่มีผลพำนักอยู่ในไต้หวัน ; การขยายขอบเขตหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมประมงที่ประจำการอยู่ในท่าเรือต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการคัดกรองแรงงานบังคับบนเรือประมงในทะเลลึก ; การเพิ่มมาตรการคัดกรองกลุ่มที่ต้องการการดูแลช่วยเหลือเป็นพิเศษ ซึ่งอาจตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ อาทิ นักศึกษาชาวต่างชาติที่เปิดให้ลงทะเบียนโดยสถาบันอุดมศึกษา ; การคุ้มครองสิทธิแรงงานขั้นพื้นฐานของผู้ดูแลในครัวเรือนและแม่บ้าน โดยเฉพาะห้ามมิให้มีการยึดเอกสารประจำตัวของแรงงานต่างชาติโดยเด็ดขาด ; การพิจารณาและเสริมสร้างการฝึกอบรมและความร่วมมือแบบข้ามหน่วยงาน เพื่อส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายแนวหน้า อาทิ เจ้าหน้าตรวจสอบแรงงาน ตำรวจ อัยการและผู้พิพากษา มีความสามารถในการคัดแยกและระบุผู้เสียหาย พร้อมทั้งนำตัวผู้ค้ามนุษย์มารับโทษ สำหรับคำชี้แนะข้างต้นจากรัฐบาลฝ่ายสหรัฐฯ ได้รับการบรรจุไว้ใน “แผนปฏิบัติการต่อต้านการแสวงหาผลประโยชน์ ประจำปี 2025-2026” ของกระทรวงมหาดไทยไต้หวัน ซึ่งได้ประกาศใช้เมื่อเดือนมีนาคม 2025 โดยจะเดินหน้าผลักดันความร่วมมือแบบข้ามกระทรวงอย่างต่อเนื่องด้วยความกระตือรือร้นต่อไป
รมว.หลิวฯ เน้นย้ำว่า ฝ่ายสหรัฐฯ ให้ความสนใจต่อสิทธิแรงงานของกลุ่มแรงงานประมงต่างชาติ ผู้ดูแลในครัวเรือน และนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งคณะรัฐมนตรีในสภาบริหารไต้หวัน ต่างก็เฝ้าจับตาและดำเนินการแก้ไขอย่างกระตือรือร้น โดยกระทรวงมหาดไทยจะพิจารณทบทวนแผนกลยุทธ์การป้องปรามของหน่วยงานต่างๆ ผ่าน “การประชุมประสานงานเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ” ควบคู่ไปกับการบูรณาการทรัพยากรจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นการค้ามนุษย์ และส่งมอบความคุ้มครองให้แก่ผู้เสียหายอย่างเป็นรูปธรรม