ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ปธน.ไล่ชิงเต๋อ เข้าร่วม“พิธีฉลองวาระครบรอบ 114 ปีแห่งวันชาติ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน)” พร้อมแสดงสุนทรพจน์
2025-10-13
New Southbound Policy。ปธน.ไล่ชิงเต๋อ เข้าร่วม“พิธีฉลองวาระครบรอบ 114 ปีแห่งวันชาติ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน)” พร้อมแสดงสุนทรพจน์ (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
ปธน.ไล่ชิงเต๋อ เข้าร่วม“พิธีฉลองวาระครบรอบ 114 ปีแห่งวันชาติ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน)” พร้อมแสดงสุนทรพจน์ (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 10 ต.ค. 68

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 10 ตุลาคม 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวันได้เข้าร่วม “พิธีฉลองวาระครบรอบ 114 ปีแห่งวันชาติ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน)” ณ จัตุรัสหน้าทำเนียบประธานาธิบดี พร้อมนี้ ปธน.ไล่ฯ ยังได้กล่าวสุนทรพจน์ภายใต้หัวข้อ “ไต้หวันรูปโฉมใหม่ ภายใต้สถานการณ์ที่พลิกผัน” (A New Taiwan Rises in a Time of Change)
 
สุนทรพจน์ของปธน.ไล่ฯ มีสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้ :
เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา นับเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญของไต้หวันเนื่องจากจำนวนวัน นับตั้งแต่ที่ได้มีการยกเลิกการประกาศกฎอัยการศึกของไต้หวัน ได้ดำเนินมาไกลเกินกว่าวันที่ไต้หวันตกอยู่ภายใต้กฎอัยการศึกที่แสนทรมานใจ แสดงให้เห็นแล้วว่า ไต้หวันได้หลุดพ้นจากระบอบเผด็จการและเงาจากการถูกควบคุมโดยสิ้นเชิง ก้าวสู่เส้นทางประชาธิปไตยในอนาคตที่เปี่ยมด้วยความหวัง
 
“ไต้หวันที่เป็นประชาธิปไตย” ที่พวกเรามุ่งสร้าง เป็นการสร้างสถานภาพสำคัญที่ชัดเจนของภาคประชาชนชาวไต้หวัน เผิงหู จินเหมินและหม่าจู่ จำนวน 23 ล้านคน ไต้หวันเป็นประภาคารทางประชาธิปไตยในภูมิภาคเอเชีย ในปัจจุบันที่นานาประเทศทั่วโลกต้องเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายที่รุนแรง ไต้หวันก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน นอกจากสงครามรัสเซีย – ยูเครน สถานการณ์ความผันผวนในภูมิภาคตะวันออกกลาง และการแผ่ขยายอิทธิพลทางกำลังทหารของจีนอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับผลกระทบที่เกิดจากมาตรการภาษีศุลกากรต่างตอบแทนของสหรัฐฯ ในแง่มุมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม
 
อย่างไรก็ตาม พวกเรายังคงสามารถยืนหยัดอย่างมั่นคง และสร้างผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจที่โดดเด่น ดังจะเห็นได้จากรายงานล่าสุดที่ประกาศโดยธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ที่กำหนดให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไต้หวันในปีนี้ ปรับเพิ่มสูงขึ้นเป็น 5.1% จากเดิม 3.3% ครองอันดับ 1 ในบรรดาสี่เสือแห่งเอเชีย และแซงหน้าจีน
 
ไต้หวันนอกจากจะทุบสถิติใหม่ในมูลค่าการส่งออกอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ตลาดแรงงาน ปรับตัวดีที่สุดในรอบ 25 ปี ประกอบกับตลาดหุ้นที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 6 เดือนติดต่อกัน มาสู่ระดับ 27,301 จุด สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันมีมูลค่ารวมสูงถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก้าวสู่ตลาดหุ้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่ทุนสำรองระหว่างประเทศ สร้างยอดทะลุ 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
 
ผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นเช่นนี้ เกิดจากการขับเคลื่อนของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการติดต่อสื่อสาร รวมถึงชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ภาคอุตสาหกรรมเหล่านี้ล้วนครองบทบาทที่สำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลก ซึ่งเกิดจากการสั่งสั่มความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีและศักยภาพด้านการผลิต และรูปแบบการค้าที่มีเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัว บูรณาการเข้ากับนโยบายสำคัญของภาครัฐ ถือเป็นความสำเร็จที่เกิดจากความมุ่งมั่นพยายามร่วมกันของหลายฝ่ายมาเป็นเวลาหลายสิบปี และเป็นสินทรัพย์ร่วมกันของภาคประชาชนชาวไต้หวัน
 
ในฐานะผู้นำไต้หวัน ปธน.ไล่ฯ มีพันธกิจที่จะรักษาสินทรัพย์อันล้ำค่าเหล่านี้ และประยุกต์ใช้ในการเสริมสร้างการพัฒนาทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของไต้หวันและทั่วโลก เพื่อสร้างความผาสุกให้แก่ภาคประชาชนชาวไต้หวันและทั่วโลกโดยถ้วนหน้า นี่คือทิศทางที่ไต้หวันต้องการมุ่งไปสู่
 
ขณะนี้ แชมป์เปี้ยนซ่อนเร้น ภาคอุตสาหกรรมดั้งเดิมและผู้ประกอบการรัฐวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ร่วมผลักดันการพัฒนาทางเศรษฐกิจของไต้หวัน ต่างกำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่เกิดจากการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัลและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ นอกจากนี้ กลุ่มแรงงานจำนวนมาก ต่างก็รู้สึกเป็นกังวลต่อโอกาสงาน ค่าตอบแทน ค่าครองชีพและต้นทุนการใช้ชีวิต ภายใต้ยุคสมัยเทคโนโลยี AI อีกทั้งกลุ่มเกษตรกรที่ต้องเผชิญหน้าสังคมผู้สูงอายุในพื้นที่ชนบทและผลกระทบจากการเปิดตลาดเสรี
 
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลนอกจากจะยื่นเสนอแผนการสนับสนุนเนื่องด้วยผลกระทบจากภาษีศุลกากรต่างตอบแทนของสหรัฐฯ ในงบประมาณมูลค่า 93,000 ล้านเหรียญไต้หวัน เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการ แรงงาน ชาวเกษตรและชาวประมง ก้าวผ่านพ้นวิกฤตแล้ว ยังได้อัดฉีดงบประมาณหมื่นล้านเหรียญไต้หวัน เพื่อส่งเสริมให้กลุ่ม SMEs นำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ส่วนเครื่องจักรกล หัวน็อตและสกรูธ รวมถึงภาคอุตสาหกรรมดั้งเดิม รัฐบาลจะมุ่งแสวงหามาตรการในการช่วยเพิ่มพูนศักยภาพทางการแข่งขัน ควบคู่ไปกับการรุกขยายตลาดนานาชาติต่อไป
 
“ยุคสมัยของความพลิกผัน เท่ากับยุคสมัยแห่งโอกาส” เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์วิกฤตความท้าทาย พวกเราจะต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส แสดงออกถึงความเชื่อมั่นและวางมาตรการรับมือด้วยความกล้าหาญ โดยในอนาคต พวกเราจะอาศัยกลยุทธ์ 3 มิติในการสร้างความมั่นคงของข้อได้เปรียบทางการแข่งขันในไต้หวัน ดังนี้ :
 
ประการแรก ขยายการลงทุน เสริมสร้างความแกร่งกล้าของไต้หวัน
 
 ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจาก “โครงการลงทุนในไต้หวัน 3 รายการ” สร้างมูลค่าการลงทุนแล้วกว่า 250 ล้านล้านเหรียญไต้หวัน และสร้างโอกาสงานมากกว่า 160,000 ตำแหน่ง ซึ่งสภาบริหารได้มีมติยืดขยายระยะเวลาโครงการออกไปจนถึง ปี พ.ศ. 2570 ซึ่งนอกจากจะขยายเพิ่มกลุ่มเป้าหมายจากขอบเขตเดิมแล้ว รัฐบาลยังมุ่งสร้างเสริมสภาพแวดล้อมการลงทุนที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดเพิ่มวงเงินสินเชื่อเพิ่มขึ้น 720,000 ล้านเหรียญไต้หวัน เพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ไต้หวันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะสร้างมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 120 ล้านล้านเหรียญไต้หวัน บวกกับโอกาสงานอีก 80,000 ตำแหน่ง
 
มีงานที่ดี ก็ต้องมีชีวิตที่ดีด้วย รัฐบาลได้เปิดตัว “โครงการการลงทุนล้านล้านเหรียญ เพื่อพัฒนาประเทศชาติ” ด้วยการส่งเสริมให้ภาคเอกชนอัดฉีดเงินลงทุนเข้าสู่โครงสร้างพื้นฐานทางสาธารณูปโภค ทั้งในด้านการประปา ไฟฟ้า เคหสถาน การศึกษา การแพทย์ วัฒนธรรม การท่องเที่ยวและการคมนาคม เป็นต้น เพื่อสอดรับต่อความต้องการทางปัจจัยสี่ของมนุษย์ในระดับภูมิภาค ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบรรลุเป้าหมาย “ไต้หวันที่สมดุล”
 
ประการที่สอง เสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าในเชิงลึก มุ่งวางรากฐานสู่ประชาคมโลก

ในปีนี้ ไต้หวัน – อังกฤษ ได้ลงนามข้อตกลง 3 ประการ ภายใต้ “ความตกลงว่าด้วยการยกระดับความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วน” ได้แก่ “การลงทุน” , “การค้าดิจิทัล” และ “พลังงานและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างไต้หวัน - อังกฤษ ก้าวเข้าสู่หลักชัยใหม่ และเป็นการแสดงให้เห็นถึงคำมั่นของทั้งสองฝ่ายที่มีต่อกฎระเบียบทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศด้วยมาตรฐานสูง อันเป็นการวางรากฐานที่ดีในความร่วมมือทางภาคอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์ ทั้งในด้านเทคโนโลยีและการผลิตที่ทันสมัย
 
ในอนาคต ไต้หวันจะยึดมั่นในหลักการการเอื้อประโยชน์แก่กัน แสวงหาโอกาสการลงนามความตกลงทางความร่วมมือแบบทวิภาคีกับบรรดามิตรประเทศ และเดินหน้าในการเจรจาภาษีศุลกากรกับสหรัฐฯ อย่างกระตือรือร้น เพื่อให้ได้รับการอนุมัติอัตราภาษีที่เหมาะสมยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาการขาดดุลทางการค้าแบบทวิภาคี ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือทางภาคอุตสาหกรรม ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้การพัฒนาทางเศรษฐกิจของไต้หวัน เชื่อมโยงไปสู่ประชาคมโลก
 
ประการสุดท้าย สร้างการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ บ่มเพาะศักยภาพทางอุตสาหกรรมของไต้หวัน

เมื่อเผชิญหน้ากับยุคดิจิทัล พวกเรามุ่งผลักดัน “โครงสร้างพื้นฐาน AI รวม 10 รายการ” ซึ่งนอกจากจะส่งเสริมให้ไต้หวันก้าวสู่การเป็นศูนย์ประมวลผลที่ใหญ่เป็น 5 อันดับแรกของโลกแล้ว ยังมุ่งคิดค้นวิจัยเทคโนโลยีที่สำคัญ รวม 3 ประการ ได้แก่ เทคโนโลยีควอนตัม ซิลิคอนโฟโตนิกส์และหุ่นยนต์ เพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมทุกแขนงสาขา อัดฉีดเทคโนโลยี AI เข้าสู่การประยุกต์ใช้ในมิติต่างๆ
 
นอกจากนี้ พวกเรายังจะสรรสร้างให้ไต้หวันเป็น “ศูนย์บริหารสินทรัพย์ในภูมิภาคเอเชีย” (Asset Management Hub in Asia) ซึ่งนอกจากจะรักษาไว้ซึ่งทุนทรัพย์มูลค่าล้านล้านเหรียญไต้หวันแล้ว ยังจะดึงดูดทุนระหว่างประเทศ ผ่านการเข้าลงทุนในไต้หวันด้วยเช่นกัน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมการเงิน และสร้างโอกาสงานคุณภาพสูง เพื่อสร้างความแกร่งกล้าให้ไต้หวัน
 
อุตสาหกรรมการแพทย์ชีวภาพถือเป็นอุตสาหกรรมสำคัญระดับประเทศชาติ ที่ได้รับการบรรจุเข้าสู่ “โครงการความหวังแห่งชาติ” โดยจะมุ่งพัฒนาสู่ทิศทางการส่งเสริมสุขภาพอย่างแม่นยำในอนาคต เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพทางการแข่งขันในระยะยาวให้แก่ประเทศชาติ และเป็นการสร้างสวัสดิการด้านความผาสุกให้แก่ภาคประชาชนโดยถ้วนหน้า
 
“คลังทรัพยากรโรคติดเชื้อแห่งชาติ” (National Infectious Diseases Bank) มีกำหนดการก่อสร้างแล้วเสร็จลงในปีหน้านี้ โดยไต้หวันจะเดินหน้าสร้างความร่วมมือด้านเทคโนโลยีชีวภาพกับนานาประเทศอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการภาคธุรกิจทุ่มทุนในการวิจัยพัฒนานวัตกรรม ภายใต้ “โครงการการส่งเสริมกิจการด้านนวัตกรรมการแพทย์อัจฉริยะ” ด้วยงบประมาณมูลค่าหมื่นล้านเหรียญไต้หวัน เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมการแพทย์ชีวภาพ ก้าวสู่การเป็นอุตสาหกรรมล้านล้านเหรียญ
 
นอกเหนือจากด้านเศรษฐกิจแล้ว พวกเรายังได้ให้ความสำคัญกับสุขภาพของภาคประชาชน และการบ่มเพาะบุคลากรเยาวชน เพื่อสรรสร้างสภาพแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้นให้แก่คนรุ่นหลัง และส่งเสริมให้ครอบครัวคนรุ่นใหม่มีเกราะสนับสนุนที่แข็งแกร่ง
 
“โครงการส่งเสริมไต้หวันสุขภาพดี” ได้เปิดดำเนินการขึ้นแล้วในปีนี้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะยกระดับสภาพแวดล้อมทางการแพทย์ในรูปแบบครอบคลุม ยังจะส่งมอบกลไกการบริการที่มีคุณภาพให้แก่ภาคประชาชน ประกอบกับ “กระทรวงกีฬา” ที่แขวนป้ายอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงที่ผ่านมา ในการเดินหน้าผลักดันกีฬาเพื่อมวลชน การแข่งขันกีฬาระดับสากล และการส่งเสริมกีฬาอาชีพ 
 
สำหรับการดูแลเยาวชน พวกเรานอกจากจะมีมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการศึกษาในระดับมัธยมปลายและการอาชีวศึกษาแล้ว นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชนก็จะได้รับเงินอุดหนุนค่าธรรมเนียม จำนวน 35,000 ในทุกปี ส่วน “โครงการกองทุนสานฝันเยาวชนในต่างแดนมูลค่าหมื่นล้านเหรียญ” ที่ให้การสนับสนุนเยาวชน อายุ 15 – 30 ปี เดินทางสานฝันในต่างประเทศ ก็ได้ดำเนินการอย่างเป็นทางการแล้วเช่นกัน
 
ปีนี้ยังเป็นวาระครบรอบ 80 ปีแห่งการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
 
ในปัจจุบัน กลุ่มประเทศลัทธิอำนาจนิยมต่างกำลังแผ่ขยายอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง ความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศต้องประสบกับความท้าทายรุนแรง ทั้งช่องแคบไต้หวัน ทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ ไปจนถึงความมั่นคงในพื้นที่ระยะห่วงโซ่ที่ 1 ต่างก็ต้องประสบกับภัยคุกคามอย่างหนักหน่วง
 
ไต้หวันที่เป็นประชาธิปไตย เป็นศูนย์กลางของสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งในประชาคมโลก พวกเราจะมุ่งธำรงรักษาสถานภาพเดิมในปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ตลอดจนพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองในระดับภูมิภาค ให้คงอยู่ยั่งยืนสืบไป
 
พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นรัฐบาลจีนยุติการตีความญัตติที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ฉบับที่ 2758 ในทิศทางที่บิดเบือนข้อเท็จจริง รวมถึงเอกสารทางประวัติศาสตร์ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมถึงล้มเลิกการเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมในช่องแคบไต้หวันด้วยกำลังอาวุธและแรงกดดัน
 
ผลลัพธ์จากสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ข้อคิดว่า “ภัยคุกคามจำต้องพ่ายแพ้ ความสามัคคีก่อเกิดชัยชนะ” สันติภาพจำเป็นต้องอาศัยศักยภาพ ปธน.ไล่ฯ ถือโอกาสนี้ประกาศก้องต่อประชาคมโลกว่า ปลายปีนี้ พวกเราจะยื่นเสนองบประมาณพิเศษทางกลาโหมของปี พ.ศ. 2569 ตามมาตรฐานที่กำหนดโดยองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ซึ่งจะมีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้น 3.32% ของ GDP และคาดว่าจะสามารถพิชิตเป้าหมาย 5% ของ GDP ภายในปี พ.ศ. 2573 ด้วยงบประมาณจำนวนดังกล่าวนี้ พวกเราจะเร่งบรรลุเป้าหมาย รวม 3 ประการหลัก ดังนี้ :

1.เร่งสรรสร้าง “T-Dome” เพื่อจัดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศที่แน่นหนาด้วยระบบการป้องกันหลายชั้น การตรวจจับระดับสูงและการสกัดกั้นที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างเครือข่ายการป้องกันทางความมั่นคงต่อชีวิตและทรัพย์สินของภาคประชาชน
 
2.จัดตั้งระบบการป้องกันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ที่ผ่านการบูรณาการระหว่างเทคโนโลยีขั้นสูงและเทคโนโลยี AI เพื่อแสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพในการสกัดกั้นของประเทศที่กำลังพัฒนายุทธวิธีสงครามไร้สมมาตร
 
3.เข้าลงทุนนวัตกรรมเทคโนโลยีทางกลาโหมอย่างต่อเนื่อง และประสานความร่วมมือกับอุตสาหกรรมกลาโหมของประเทศที่พัฒนาแล้ว เพื่อยกระดับศักยภาพทางกลาโหมของตนเอง
 
ตลอดปีที่ผ่านมา พวกเราได้รวบรวมศักยภาพจากภาครัฐ ภาคเอกชน ส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ภายใต้ “คณะกรรมการความยืดหยุ่นในการป้องกันประเทศของภาคประชาสังคม” พร้อมทั้งบูรณากลไกการป้องกันภัย ในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการประสานความร่วมมือระหว่างทหารและพลเรือน นอกจากนี้ พวกเรายังได้มุ่งเสริมสร้างความยืดหยุ่นในการฝึกอบรมภาคประชาชน พลังงาน การแพทย์ เครือข่ายสารสนเทศและการเงิน เพื่อยกระดับศักยภาพการรับมือกับวิกฤตต่างๆ อย่างครอบคลุม
 
เมื่อเดือนที่แล้ว พวกเราได้ประกาศเปิดตัว “คู่มือความมั่นคงของพลเมืองไต้หวัน” ซึ่งมีเนื้อหาที่ครอบคลุมกลยุทธ์ในการรับมือกับสถานการณ์ความแปรปรวนสุดขีด ทั้งภัยพิบัติและการคุกคามทางทหาร โดยคู่มือฉบับนี้จะถูกจัดส่งไปให้ทุกครัวเรือนในเร็ววันนี้
 
เมื่อเดือนที่แล้ว มีภาพบรรยากาศความน่าประทับใจ 2 เรื่องที่เกิดขึ้นและสร้างความซาบซึ้งใจให้แก่ภาคประชาชนชาวไต้หวันถ้วนหน้า ประกอบด้วย :
 
ในระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA 80) ที่จัดขึ้น ณ นครนิวยอร์กของสหรัฐฯ กลุ่มประชาชนชาวไต้หวันที่พำนักอาศัยในพื้นที่ ร่วมระดมทุนเพื่อสรรสร้างให้ลานจตุรัสไทม์สแควร์ ย่านใจกลางเมืองในนครนิวยอร์ก คลาคล่ำไปด้วยโฆษณาที่มีข้อความระบุว่า “ส่งเสริมให้ไต้หวันเข้าร่วม” และ “ยึดมั่นในความสามัคคีดีกว่า”
 
อีกเรื่องคือ สถานการณ์หลังเกิดภัยพิบัติเนื่องจากพายุไต้ฝุ่นรากาซาในพื้นที่เมืองฮัวเหลียน มีประชาชนนับหมื่นคนสวมใส่รองเท้าบูทกันน้ำ มือถือพลั่ว เดินทางลงพื้นที่เข้าให้ความช่วยเหลืออย่างขมักเขม้น เพื่อต้องการส่งเสริมให้พื้นที่ประสบภัยกลับสู่สภาวะปกติสุขโดยเร็ววัน