
ITRI วันที่ 15 ต.ค. 68
เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการผลิตอัจฉริยะรูปแบบ 5G ในพื้นที่ภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก ภายใต้การสนับสนุนของกรมเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ภายใต้กระทรวงเศรษฐการไต้หวัน และกรอบความร่วมมือด้านนโยบายด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมของเอเปค (Policy Partnership for Science, Technology and Innovation, PPSTI) จึงได้มอบหมายให้สถาบันวิจัยเทคโนโลยีทางอุตสาหกรรมไต้หวัน (ITRI) จัด “การประชุมนานาชาติว่าด้วยการผลิตอัจฉริยะในรูปแบบ 5G ภายใต้กรอบ APEC” โดยได้ติดต่อเชิญกลุ่มนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญจากเขตเศรษฐกิจ APEC อาทิ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไทย อินโดนีเซีย ชิลี เปรูและไต้หวัน เข้าร่วมการอภิปรายที่มุ่งเน้นการผลักดันนโยบายและการประยุกต์ใช้นวัตกรรม 5G ในอุตสาหกรรมการผลิต ภายใต้ 3 หัวข้อหลัก ดังนี้ : “การผลิตอัจฉริยะแบบ 5G ที่ขับเคลื่อนรูปแบบใหม่ทางอุตสาหกรรม” “สรรสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มีความต่อเนื่องและเปี่ยมด้วยความยืดหยุ่นด้วยการผลิตอัจฉริยะ” และ “ผลักดันนวัตกรรมการผลิตอัจฉริยะ ผ่านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล” เพื่อส่งเสริมความร่วมมือแบบข้ามพรมแดนผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันแบบพหุภาคี อันจะนำไปสู่การสร้างห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิกที่มีความยืดหยุ่นและความยั่งยืน
นายติงปังอัน รองผู้อำนวยการ ITRI และผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเทคโนโลยีสารสนเทศและการติดต่อสื่อสาร กล่าวว่า ด้วยคุณสมบัติความเชื่อถือได้และความหน่วงต่ำของ 5G กลายมาเป็นรากฐานสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของอุตสาหกรรมการผลิต โดย ITRI ยังคงพัฒนาเสริมสร้างเทคโนโลยีเครือข่าย 5G ในเชิงลึก พร้อมทั้งจับมือกับนักธุรกิจผลักดันการประยุกต์ใช้ที่หลากหลาย อาทิ การร่วมคิดค้นเครือข่ายการประหยัดพลังงาน 5G O-RAN กับบริษัท Pegatron เพื่อจัดการด้านการบริหารพลังงานและแก้ไขปัญหาการยับยั้งการรบกวนของระบบสัญญาณ ; การประสานความร่วมมือระหว่างบริษัท Chunghwa Telecom, Atayalan Taiwan และ Cloud Wave Technology ในการอัดฉีดเครือข่าย 5G เข้าสู่อุตสาหกรรมไม้ของบริษัท LUSH FORESTS WOOD CO., LTD. ผสมผสานเข้ากับ AIoT และเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Deep Learning) เพื่อตรวจหาจุดตำหนิของเปลือกไม้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ เพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่เร่งแก้ไขข้อผิดพลาด อันจะเป็นการยกระดับประสิทธิภาพและคุณภาพการผลิต ก้าวข้ามกรอบจำกัดของอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม แสดงให้เห็นถึงต้นแบบการผลิตรูปแบบอัจฉริยะ จากการเข้าร่วมสังเกตการณ์ผ่านกรณีศึกษาในครั้งนี้ APEC และประเทศสมาชิก สามารถทำความเข้าใจกับสถานการณ์การส่งเสริมอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยี เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล และเป็นหลักอ้างอิงสำคัญในการผลักดันแผนโซลูชันการแก้ไขปัญหาด้านการผลิตอัจฉริยะแบบ 5G ให้แก่นานาประเทศต่อไป
นายหลี่ก้วนหมิง คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีของกรมเทคโนโลยีอุตสาหกรรมไต้หวัน กล่าวว่า จากรายงานวิจัยคาดการณ์ของบริษัท Verified Market Research (VMR) ระบุว่า จวบจนปี พ.ศ. 2576 มูลค่าการผลิตอัจฉริยะทั่วโลก จะสูงแตะระดับ 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อัตราการเติบโตเฉลี่ยทบต้นต่อปี (Compound Annual Growth Rate) จะมีสัดส่วนสูงถึง 27% การผลิตอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย 5G กลายมาเป็นแนวโน้มที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ไต้หวันมีข้อได้เปรียบด้านอุตสาหกรรมสารสนเทศและการผลิต ที่ได้รับการมองว่าเป็นพื้นที่สาธิตและหุ้นส่วนทางความร่วมมือที่สำคัญในด้านการผลิตอัจฉริยะแบบ 5G
“การประชุมนานาชาติว่าด้วยการประยุกต์ใช้การผลิตแบบอัจฉริยะ 5G ของ APEC” มีวัตถุประสงค์เพื่อจับทิศทางแนวโน้มและโอกาสการพัฒนาของตลาดโลก โดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญจากแวดวงอุตสาหกรรม วิชาการและการวิจัย ต่างทยอยแบ่งปันประสบการณ์การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการผลิตอัจฉริยะแบบ 5G เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน และมุ่งเน้นการประยุกต์ใช้เชิงนวัตกรรม อาทิ การเชื่อมโยงเข้ากับเครื่องมืออุปกรณ์ การตรวจจับแบบอัจฉริยะและการควบคุมในระยะไกล พร้อมทั้งส่งมอบความช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการด้านการผลิต ฝ่าฟันอุปสรรคความท้าทาย และเพิ่มพูนความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพต่อไป
ในอนาคต ITRI จะเดินหน้าการพัฒนา “แผนแม่บทและกลยุทธ์ทางเทคโนโลยี ปี พ.ศ.2578” อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นไปที่ “วิถีชีวิตรูปแบบอัจฉริยะ” , “สุขภาพชีวิตแข็งแรง” “ความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม” , “สังคมที่ยืดหยุ่น” และ “เทคโนโลยีที่แปลงพลังงานความร้อนเป็นพลังงานไฟฟ้า” โดยความร่วมมือนานาชาติในครั้งนี้ ขานรับต่อหัวข้อหลัก “ความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม” ด้วยการผลักดันการบริหารด้านพลังงานและการประหยัดพลังงานในการผลิต ผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศประสิทธิภาพสูงและ AIoT และในอนาคต ITRI จะเดินหน้าเสริมสร้างความร่วมมือและการวิจัยพัฒนาทางเทคโนโลยีระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมไต้หวัน มีโอกาสแสดงข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน ภายใต้กระแสการเปลี่ยนผ่านสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในระดับสากล