ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 20 ต.ค. 68
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 20 ตุลาคม 2568 รองประธานาธิบดีเซียวเหม่ยฉิน ได้ให้การต้อนรับ “คณะตัวแทนสมาชิกสภาแบบข้ามพรรคออสเตรเลีย” พร้อมกล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - ออสเตรเลีย ดำเนินไปในทิศทางเชิงลึกตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ทั้งความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า ความมั่นคงทางพลังงาน และประเด็นระหว่างประเทศ ต่างก็แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนที่แข็งแกร่ง พร้อมกันนี้ รองปธน.เซียวฯ ยังได้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลออสเตรเลีย ที่ให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างหนักแน่นเสมอมา พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันบ่อยครั้งบนเวทีนานาชาติ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายเดินหน้าจับมือกันเสริมสร้างความสัมพันธ์แบบทวิภาคีต่อไปในเชิงลึก
รองปธน. เซียวฯ ระบุว่า ออสเตรเลีย ไต้หวัน สหรัฐฯ ญี่ปุ่นและแคนาดา ต่างก็เป็นประเทศสมาชิกภายใต้กรอบความร่วมมือ Global Cooperation and Training Framework (GCTF) ที่มุ่งมั่นประสานความร่วมมือกันในกิจการนานาชาติในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนโยบายสาธารณะ อาทิ ด้านสาธารณสุขและการป้องกันความมั่นคงทางไซเบอร์ เป็นต้น เพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลกในยุคสมัยใหม่
รองปธน.เซียวฯ กล่าวขอบคุณรัฐบาลออสเตรเลีย ที่แสดงจุดยืนให้ความสำคัญต่อสันติภาพและเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวันบนเวทีนานาชาติอย่างหนักแน่น พร้อมทั้งให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างมีความหมายเสมอมา พร้อมทั้งระบุว่า ออสเตรเลียเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไต้หวัน ทั้งสองฝ่ายต่างเกื้อหนุนซึ่งกันและกันในด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะออสเตรเลียที่ส่งมอบความช่วยเหลือให้แก่ไต้หวัน ในด้านการเสริมสร้างความยืดหยุ่นด้านพลังงานมาเป็นระยะเวลายาวนาน ไต้หวันนอกจากจะมุ่งพัฒนาพลังงานหมุนเวียนอย่างกระตือรือร้นแล้ว ยังพึ่งพาการนำเข้าพลังงานในรูปแบบหลากหลาย โดยหวังที่จะเดินหน้าพัฒนาความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนในเชิงลึกอย่างต่อเนื่องสืบไป
รองปธน.เซียวฯ กล่าวว่า ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เห็นชาวออสเตรเลียสัญชาติไต้หวัน เดินหน้าเสริมสร้างการพัฒนาด้านต่างๆ ในระยะยาว ทั้งสังคม เศรษฐกิจและการพัฒนาพหุวัฒนธรรมที่หลากหลายในพื้นที่ ขณะเดียวกัน ไต้หวันก็ยินดีเปิดรับเยาวชนชาวออสเตรเลีย เดินทางมาเข้ารับการศึกษา ประกอบอาชีพและสัมผัสกับวัฒนธรรมในไต้หวัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสำคัญต่อเสรีภาพทางวิชาการและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ สามารถพัฒนาเติบโตภายใต้สภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างและเสรี