กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 21 ต.ค. 68

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 20 ตุลาคม 2568 กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมจัด “งานเลี้ยงฉลองนักศึกษาที่ได้รับทุนการศึกษาไต้หวันและทุนเรียนภาษาจีนระยะสั้น (Huayu Enrichment Scholarship, HES) ประจำปี 2568” โดยมีนายอู๋จื้อจง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายหลิวกั๋วเหว่ย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทยอยกล่าวปราศรัยตามลำดับ ซึ่งได้รับเกียรติเข้าร่วมจากผู้แทนทางการทูตและบรรดานักศึกษาจากหลายประเทศทั่วโลก รวมจำนวนกว่า 800 คน และได้ติดต่อเชิญคณะนักแสดง “Drummover Studio” เข้าจัดการแสดงสุดอลังการในพิธีเปิดงาน เพื่อสื่อให้เห็นพลังความสดใสและความหวังของไต้หวัน
 
รมช.อู๋ฯ กล่าวปราศรัยว่า ไต้หวันมีผลสัมฤทธิ์ที่โดดเด่นในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่ได้กลายมาเป็นยุทธศาสตร์สำคัญและมีเสถียรภาพในระดับสากล ซึ่งได้ป้อนชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ 70% และแผ่นชิประดับสูง 95% เข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานโลก นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำว่า ไต้หวันยึดมั่นในค่านิยมหลักด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพ ประธานาธิบดีได้รับเลือกตั้งโดยตรงจากภาคประชาชน แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของระบอบประชาธิปไตยในสังคมชาวฮั่น
 
รมช.อู๋ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา ไต้หวันได้ผลักดันโครงการ “ทุนการศึกษาไต้หวัน” และ “ทุนเรียนภาษาจีนระยะสั้น” ซึ่งประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะบุคลากรจากกลุ่มประเทศพันธมิตรและกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน เป็นจำนวนสะสมกว่า 3,000 ราย เพื่อขยายขอบเขตความร่วมมือทางการศึกษาระดับนานาชาติ หลังการเข้ารับตำแหน่งของนายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จึงได้มีการยื่นเสนอ “โครงการเพิ่มโควตาทุนการศึกษาไต้หวัน” โดยกระทรวงการต่างประเทศมีความเชื่อมั่นที่จะพิชิตเป้าหมายการเปิดรับนักศึกษาต่างชาติ แต่ละปีในจำนวน 500 คนจากเดิม 250 คน ซึ่งจะเริ่มขึ้นภายในปี 2569 และจะขยายกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับอานิสงส์ไปสู่ 12 ประเทศพันธมิตรประชาธิปไตยที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน เพื่อแสดงให้เห็นหลักชัยใหม่ของ “การทูตเชิงบูรณาการ 12”
 
ในโอกาสนี้ รมช.อู๋ฯ ยังได้ส่งเสริมให้เหล่านักศึกษาคว้าโอกาสการเรียนรู้ในไต้หวันให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมทั้งเข้ามีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์มสมาคมศิษย์เก่าไต้หวัน (Taiwan Alumni Association, TAA) ที่กระจายตัวอยู่ทั่วทุกมุมโลก รวม 92 แห่ง เพื่อก้าวสู่การเป็นสะพานเชื่อมโยงมิตรภาพระหว่างประเทศต่อไป นอกจากนี้ รมช.หลิวฯ ยังได้กล่าวเน้นย้ำความสำคัญของการเรียนภาษาจีน โดยหวังที่จะเห็นเยาวชนนักศึกษา มุ่งพัฒนาทักษะภาษาและความเชี่ยวชาญในไต้หวันอย่างต่อเนื่อง พร้อมเข้าสัมผัสกับเสน่ห์พหุวัฒนธรรมและวัฒนธรรมประเพณีในไต้หวันอย่างลึกซึ้ง