ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ปธน.ไล่ชิงเต๋อ เข้าร่วมพิธีปิด “การประชุมเศรษฐกิจหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก ประจำปี 2568” พร้อมส่งไม้ต่อให้แก่ออสเตรียในการจัดขึ้นครั้งต่อไป พร้อมประกาศว่า ร่างแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก ฉบับแรกของไต้หวัน ก่อเกิดขึ้นแล้ว
2025-10-27
New Southbound Policy。ปธน.ไล่ชิงเต๋อ เข้าร่วมพิธีปิด “การประชุมเศรษฐกิจหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก ประจำปี 2568” พร้อมส่งไม้ต่อให้แก่ออสเตรียในการจัดขึ้นครั้งต่อไป พร้อมประกาศว่า ร่างแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก ฉบับแรกของไต้หวัน ก่อเกิดขึ้นแล้ว (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
ปธน.ไล่ชิงเต๋อ เข้าร่วมพิธีปิด “การประชุมเศรษฐกิจหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก ประจำปี 2568” พร้อมส่งไม้ต่อให้แก่ออสเตรียในการจัดขึ้นครั้งต่อไป พร้อมประกาศว่า ร่างแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก ฉบับแรกของไต้หวัน ก่อเกิดขึ้นแล้ว (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดีและสภาบริหาร วันที่ 23 ต.ค. 68

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 23 ตุลาคม 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน ได้เข้าร่วมพิธีปิด “การประชุมเศรษฐกิจหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก ประจำปี 2568” (Asia Pacific Circular Economy Roungtable & Hotspot Taipei , Taiwan 2025) ที่รวบรวมไว้ซึ่งผู้เข้าร่วม 500 รายจาก 50 ประเทศทั่วโลก ซึ่งได้เปิดฉากขึ้น ณ สวนวัฒนธรรมความคิดสร้างสรรค์ซงซาน กรุงไทเป โดยปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศและภาวะการขาดแคลนทรัพยากร ถือเป็นความท้าทายที่รุนแรงที่สุดของมวลมนุษยชาติในปัจจุบัน ไม่ว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงหรือภาคการเกษตร ต่างก็ประสบกับปัญหาเดียวกัน จากการประชุมแลกเปลี่ยนกันในครั้งนี้ เศรษฐกิจหมุนเวียนถือเป็นแผนโซลูชันการแก้ไขปัญหาที่มีความเป็นไปได้ และขณะนี้ นานาประเทศทั่วโลกต่างอยู่ระหว่างการปฏิบัติการตามแผนโซลูชันอย่างกระตือรือร้น เพื่อบรรลุรูปแบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและพิชิตเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านทางกลไกเศรษฐกิจหมุนเวียน จำเป็นต้องส่งเสริมให้นวัตกรรมรูปแบบหมุนเวียน เปลี่ยนผ่านสู่การเป็น “ธุรกิจที่ดี” ผ่านกระบวนการตามหลักการ “ธรรมาภิบาลที่ดี” ซึ่งจะเป็นไปตามจิตวิญญาณของหัวข้อการประชุมในปีนี้ว่าด้วย “การส่งเสริมความร่วมมือรูปแบบหมุนเวียน” ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจจากทุกประเทศ
 
เนื่องจากไต้หวันเป็นประเทศที่มีทรัพยากรจำกัด แต่ด้วยข้อจำกัดเหล่านี้ ทำให้เราสามารถบ่มเพาะศักยภาพที่มีความโดดเด่นที่ได้รับการยอมรับในประชาคมโลก ขอบเขตภาพรวมของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสีเขียวไต้หวัน ยังคงได้รับการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อันจะเห็นได้จากมูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสีเขียวในปี พ.ศ. 2567 สร้างยอดสูงถึง 500,000 ล้านเหรียญไต้หวัน ครองสัดส่วนร้อยละ 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ส่งผลให้มูลค่าการค้า มีจำนวนสูงถึง 200,000 ล้านเหรียญไต้หวัน ในจำนวนนี้ เศรษฐกิจหมุนเวียนขึ้นครองอันดับ 1 ในด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มและการจ้างงานจากอุตสาหกรรรมทางเทคโนโลยี รวม 7 มิติ ส่งผลให้อัตราการเติบโตต่อปีเพิ่มสูงถึง 10% โดยเฉพาะมูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียน ครองสัดส่วนกว่าร้อยละ 30 ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสีเขียว สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว
 
ปธน.ไล่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า การประชุมในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของนานาประเทศ และช่วงเวลาแห่งการร่วมคิดค้นและแสวงหาแผนโซลูชันแล้ว ยังเป็นโอกาสอันดีในการจับมือกันแบกรับภาระหน้าที่ในทุกยุคสมัยเพื่ออนาคต โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การประชุมที่ไต้หวันจะจัดขึ้นอีกครั้งในอนาคต จะได้รับความร่วมมือจากบรรดาผู้เข้าร่วมการประชุม ด้วยการสวมใส่ผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องต่อหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อส่งเสริมให้จิตวิญญาณแนวคิด ได้รับการสืบสานให้คงอยู่อย่างเป็นรูปธรรม
 
ปธน.ไล่ฯ กล่าวแสดงความขอบคุณต่อบรรดาอาคันตุกะจาก 50 ประเทศที่ให้การสนับสนุนและให้การยอมรับต่อไต้หวัน พร้อมทั้งระบุว่า อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ลและอุตสาหกรรมการผลิตแบบดั้งเดิมของไต้หวัน  สวมบทบาทที่สำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลก อีกทั้งยังเผยให้เห็นศักยภาพนวัตกรรมและการหมุนเวียน ขณะเดียวกัน การเกษตรของไต้หวันก็แสดงให้เห็นถึงข้อได้เปรียบในทำนองลักษณะเช่นเดียวกัน ผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและความร่วมมือแบบข้ามแวดวง โดยเปลี่ยนผ่านให้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร พัฒนามาเป็นวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อการยกระดับมูลค่าเพิ่ม โดยระบบรีไซเคิลของไต้หวันได้สั่งสมประสบการณ์มานาน 30 กว่าปี ซึ่งอัตราการรีไซเคิลของไต้หวัน ครอง 5 อันดับแรกของโลก จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นต้นแบบของประชาคมโลก
 
ปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า ไต้หวันนอกจากจะบรรลุเศรษฐกิจหมุนเวียนแล้ว ยังยินดีแบ่งปันประสบการณ์สู่ประชาคมโลก ซึ่งบรรดาผู้เข้าร่วมต่างทยอยแบ่งปันนโยบายภายในประเทศ รวมถึงแนวทางการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมและการเข้ามีส่วนร่วมของภาคประชาชน โดยพวกเราจะนำประสบการณ์ แนวคิดและความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนที่รวบรวมได้จากการประชุมครั้งนี้ ส่งต่อไปสู่ความร่วมมือในลำดับต่อไปในภายภาคหน้า ซึ่งพวกเราจะยังคงยึดมั่นในหลักการ “Taiwan Can Lead” เพื่อจับมือกับหุ้นส่วนนานาประเทศในการก้าวพัฒนาต่อไป

ปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า การตัดสินใจในวันนี้เป็นการกำหนดว่า ประชากรในยุคสมัยต่อไปจะสามารถเติบโต ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ยั่งยืนได้หรือไม่ พวกเรามีภาระหน้าที่ในการสานฝันเยาวชนให้เป็นจริง ด้วยเหตุนี้ ไต้หวันจึงได้ยื่นเสนอ “ร่างแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน” โดยจะพัฒนาให้มีความครอบคลุมสมบูรณ์ในภายภาคหน้า พร้อมจับมือกับนานาประเทศในการพิชิตสู่กลไกเศรษฐกิจหมุนเวียน จากความมุ่งมั่นพยายามร่วมกันของไต้หวันและหุ้นส่วนนานาชาติ เศรษฐกิจหมุนเวียนไม่เพียงแต่จะเป็นหัวข้อการอภิปรายเท่านั้น แต่ยังเป็นการบรรลุให้เกิดขึ้นจริงในไต้หวัน ควบคู่ไปกับการเชื่อมโยงระบบนิเวศทางความร่วมมือด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก ก้าวสู่การเป็นฐานการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างเป็นรูปธรรมในระดับสากลโลก