คณะกรรมการกิจการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วันที่ 25 ต.ค. 68
การประชุมความร่วมมือทางเทคโนโลยีแบบพหุภาคี ระหว่างไต้หวัน ลัตเวียและลิทัวเนีย ครั้งที่ 24 มีกำหนดการเปิดฉากขึ้น ณ เมืองรีกา เมืองหลวงของลัตเวีย เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา ตามเขตเวลาในไต้หวัน โดยนายเฉินปิ่งอวี่ รองประธานคณะกรรมการกิจการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไต้หวัน (NSTC) ได้นำคณะตัวแทนเดินทางเยือนลัตเวีย เพื่อร่วมพิจารณาผลสัมฤทธิ์ทางความร่วมมือด้านเทคโนโลยีที่อยู่ระหว่างการดำเนินการในปัจจุบัน และทำการคัดเลือกโครงการวิจัยทางความร่วมมือของปีหน้า ตลอดจนร่วมหารือแลกเปลี่ยนด้านนโยบายทางเทคโนโลยีระหว่างกันกับ Ms. Lauma Sīka รองอธิบดีกรมกิจการอุดมศึกษา เทคโนโลยีและนวัตกรรม ภายใต้การกำกับของกระทรวงศึกษาธิการและวิทยาศาสตร์ของลัตเวีย และ Ms. Laima Taparauskienė อธิบดีกรมกิจการอุดมศึกษา เทใคโนโลยีและนวัตกรรม ภายใต้การกำกับของกระทรวงศึกษาธิการและวิทยาศาสตร์ของลิทัวเนีย
ความร่วมมือทางเทคโนโลยี ระหว่างไต้หวัน ลัตเวียและลิทัวเนีย เริ่มต้นขึ้นจากการร่วมลงนามโครงการความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการและวิทยาศาสตร์ (Ministry of Education and Science) ระหว่างกัน นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา ซึ่งไต้หวันได้จัดตั้งกองทุนร่วมเพื่ออุดหนุนโครงการความร่วมมือแบบพหุภาคี และนับตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา การประชุมข้างต้นได้หมุนเวียนจัดขึ้นใน 3 ประเทศเป็นประจำทุกปี ไม่เคยขาดช่วงเลย ซึ่งเมื่อปี 2567 ได้มีการจัดขึ้น ณ กรุงไทเปของไต้หวัน ในปีนี้ ลัตเวียเป็นประเทศเจ้าภาพ
รองประธานเฉินฯ กล่าวว่า ความสัมพันธ์รูปแบบหุ้นส่วนทางเทคโนโลยีตลอดระยะเวลา 3 ปีกว่าที่ผ่านมา เป็นไปอย่างใกล้ชิด ภายใต้ความมุ่งมั่นพยายามของหน่วยงาน 3 กระทรวง ตราบจนปัจจุบัน ได้มีการส่งมอบเงินอุดหนุนให้แก่โครงการวิจัยแบบพหุภาคี กว่า 80 รายการ และได้มีการจัดตั้งกลไกการเสวนาระดับสูงทางเทคโนโลยี ผ่านการจัดการประชุมข้างต้น เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนกันในประเด็นนโยบายและสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีระดับชาติและการพัฒนาการวิจัย เป็นต้น นอกจากนี้ นายหลี่วั่งหลง ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีแห่งชาติ ภายใต้ NSTC ได้ร่วมแบ่งปันแผนผลักดันโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI รวม 10 รายการ ภายใต้การร่วมวางมาตรการโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาแห่งชาติ NSTC กระทรวงเศรษฐการ และกระทรวงพัฒนาดิจิทัล โดยจะมุ่งเน้นไปในทิศทาง 3 มิติหลัก ได้แก่ การประยุกต์ใช้รูปแบบอัจฉริยะ เทคโนโลยีที่เป็นกุญแจสำคัญ และโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล รวมไปถึงการบูรณาการทรัพยากรระหว่างภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรมและภาควิชาการ
Ms. Laima Taparauskienė กล่าวชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายด้านการวิจัยคิดค้นนวัตกรรมของลิทัวเนีย ซึ่งมุ่งเน้นความสำคัญไปที่ความสมดุลของการพัฒนาในด้านต่างๆ และหน่วยงานการวิจัย รวมไปถึงการส่งเสริมระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่สร้างมูลค่าเพิ่ม (value-creating) ส่วน Ms. Lauma Sika กล่าวชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์การพัฒนาล่าสุดในด้านนโยบายทางเทคโนโลยีของลัตเวีย โดยในอนาคต จะมุ่งเน้นไปในทิศทางความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะ และการพัฒนาสารสนเทศรูปแบบดิจิทัล โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นทั้ง 3 ฝ่ายเดินหน้าเสริมสร้างความร่วมมือในด้านเทคโนโลยี AI กันต่อไปในอนาคต
ในระหว่างการเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ คณะกรรมการวิทยาศาสตร์ลัตเวีย ยังได้จัดเตรียมให้คณะตัวแทนเข้าเยี่ยมชมสถาบันวิจัยด้านอิเล็กทรอนิกส์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ (Institute of Electronics and Computer Science, EDI) ของลัตเวีย ซึ่งหน่วยงานข้างต้นนี้มุ่งเน้นไปที่ “ระบบสมองกลฝังตัว” (Smart Embedded Cooperative Systems, SECS) ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการผลักดันความร่วมมือทางเทคโนโลยี AI แบบทวิภาคีในอนาคต นอกจากนี้ยังได้จัดให้คณะตัวแทน เดินทางเข้าเยี่ยมเยือนบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ Latvian Mobile Telephone (LMT) และบริษัท Edge Autonomy สาขาเมืองรีกา รวมไปถึงการนัดแนะให้เข้าพบปะพูดคุยกับ Dr. Talis Juhna อธิการบดีมหาวิทยาลัย Riga Technical University เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลของลัตเวีย และสถานการณ์การพัฒนาทางเทคโนโลยีล่าสุดที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อความร่วมมือในภายภาคหน้า