ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
นรม.จั๋วหรงไท่เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมเอเชีย – แอฟริกา โดยหวังที่จะจับมือกับกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน จัดตั้งกลไกความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศที่มีความมั่นคง ความน่าเชื่อถือและความยุติธรรม
2025-10-30
New Southbound Policy。นรม.จั๋วหรงไท่เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมเอเชีย – แอฟริกา โดยหวังที่จะจับมือกับกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน จัดตั้งกลไกความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศที่มีความมั่นคง ความน่าเชื่อถือและความยุติธรรม (ภาพจากสภาบริหาร)
นรม.จั๋วหรงไท่เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมเอเชีย – แอฟริกา โดยหวังที่จะจับมือกับกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน จัดตั้งกลไกความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศที่มีความมั่นคง ความน่าเชื่อถือและความยุติธรรม (ภาพจากสภาบริหาร)

สภาบริหาร วันที่ 29 ต.ค. 68

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 นายจั๋วหรงไท่ นายกรัฐมนตรีไต้หวันเข้าร่วมพิธีเปิด “การประชุมเอเชีย – แอฟริกาในไต้หวัน ประจำปี 2568-ความมั่นคงในภูมิภาคและการก่ออาชญากรรมข้ามพรมแดน” (Taiwan - Western Asia & Africa Forum on Regional Security and Transnational Crime) ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 7 แล้ว ซึ่งได้รับการยอมรับและการสนับสนุนจากประชาคมโลกอย่างแพร่หลาย โดยในปีนี้ มีเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 280 คน จาก 45 ประเทศ เดินทางมารวมตัวกัน เพื่อร่วมอภิปรายในประเด็นความมั่นคงในภูมิภาค และความท้าทายที่เกิดจากการก่ออาชญากรรมข้ามพรมแดน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อประเด็นข้างต้นของประชาคมโลก
 
นรม.จั๋วฯ กล่าวว่า หลายปีมานี้ สถานการณ์ระหว่างประเทศยังคงเกิดการเปลี่ยนแปลงที่พลิกผัน ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับราคาพลังงานที่มีความผันผวน ที่ส่งผลกระทบต่อศักยภาพการพัฒนาทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ตลอดจนรวมไปถึงปัญหาความขัดแย้งของในเขตพื้นที่พรมแดนของหลายประเทศ ที่ยังคงเป็นวิกฤตในปัจจุบัน ซึ่งก่อให้เกิดความท้าทายที่รุนแรงต่อความมั่นคงและเสถียรภาพในระดับภูมิภาค และพัฒนาให้เกิดเป็นปัญหาต่างๆ อาทิ วิกฤตมนุษยธรรมและการก่ออาชญากรรมข้ามพรมแดน เป็นต้น
 
นรม.จั๋วฯ กล่าวว่า ภูมิภาคแอฟริกาและภูมิภาคตะวันออกกลาง นับวันยิ่งมีความสำคัญในด้านภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรแร่ธาตุ เส้นทางคมนาคมทางทะเล และการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร ที่ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจโลก ไต้หวันในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนประชาธิปไตยที่มีความรับผิดชอบ พวกเราจะจับมือกับประชาคมโลกในการจัดตั้งหลักนิติธรรม ควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพของการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อร่วมเผชิญหน้ากับการก่ออาชญากรรมแบบข้ามพรมแดน
 
นรม.จั๋วฯ เน้นย้ำว่า ไต้หวันสวมบทบาทสำคัญด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาค และห่วงโซ่อุปทานด้านประชาธิปไตย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายที่เกิดจากกำลังทหารจากจีน แรงกดดันด้วยกลยุทธ์พื้นที่สีเทา และการแทรกซึมของสงครามสารสนเทศ พวกเราจะยังคงเดินหน้าจับมือกับกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ภายใต้พื้นฐานค่านิยมด้านสันติภาพและประชาธิปไตย ควบคู่ไปกับการพัฒนาความยืดหยุ่นในการปกป้องประเทศด้วยการพึ่งพาตนเอง
 
นรม.จั๋วฯ กล่าวว่า พวกเราตระหนักดีว่า ความยืดหยุ่นทางความมั่นคงของไต้หวัน ไม่เพียงแต่จะเป็นการป้องกันตนเองเท่านั้น แต่ยังเป็นเสาหลักสำคัญของเสถียรภาพในระดับภูมิภาค ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงจะแบกรับภาระหน้าที่ด้วยการปรับเพิ่มงบประมาณทางกลาโหมของไต้หวัน ให้เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) โดยจะปรับเพิ่มงบประมาณกลาโหมให้เพิ่มขึ้น 3.32% ของ GDP ในปีพ.ศ. 2569
 
นอกจากนี้ นรม.จั๋วฯ ยังได้ระบุว่า ขณะนี้ ทั่วโลกต่างต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งในด้านเทคโนโลยี AI และความมั่นคงทางสารสนเทศ พัฒนาการที่รุดหน้าทางเทคโนโลยี AI ส่งผลให้ข่าวปลอม เนื้อหาการลอกเลียนแบบและการฉ้อโกงในรูปแบบดิจิทัล ง่ายต่อการแพร่กระจายเป็นวงกว้าง หรือแม้กระทั่งการประยุกต์ใช้ในการแทรกแซงการเลือกตั้ง การแพร่สะพัดในโลกโซเชียล และการเขย่ารากฐานความเชื่อมั่นของสังคมประชาธิปไตย ซึ่งนี่มิใช่เพียงแค่ปัญหาทางเทคโนโลยี แต่ยังเป็นบททดสอบทางค่านิยมและหลักการกำกับดูแล ด้วยเหตุนี้ ไต้หวันจึงมุ่งมั่นจัดตั้ง “แนวป้องกันความยืดหยุ่นด้านประชาธิปไตย” อย่างกระตือรือร้น ควบคู่ไปกับการส่งเสริมทักษะการรู้เท่าทันสื่อให้แก่พลเมือง พัฒนากลไกการตรวจสอบความมั่นคงทางสารสนเทศ และกลไกการรับมือแบบข้ามหน่วยงาน ขณะเดียวกัน ก็มุ่งยกระดับความร่วมมือด้านการตรวจสอบแบบข้ามพรมแดนกับหุ้นส่วนนานาชาติ
 
ไต้หวันนอกจากจะเป็นผู้ผลักดันสันติภาพในภูมิภาคแล้ว ยังเป็นผู้บรรลุ “ความยุติธรรมทางดิจิทัล” และ “การบริหารตามหลักนิติธรรม” โดยในอนาคต พวกเราจะยังคงยึดมั่นในจิตวิญญาณที่เปิดกว้าง ความเชี่ยวชาญและการปฏิบัติจริง ในการร่วมสร้างความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศที่มีความมั่นคง ความน่าเชื่อถือและความยุติธรรมกับกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน