ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 31 ต.ค. 68
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน ได้ให้การต้อนรับคณะตัวแทนที่นำโดย Mr. Josh Stein ผู้ว่าการรัฐนอร์ทแคโรไลนา (State of North Carolina) โดยปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อผู้ว่าการ Stein ที่ให้ความสำคัญและมิตรภาพที่มีต่อไต้หวัน โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเดินหน้าเสริมสร้างความร่วมมือกับรัฐนอร์ทแคโรไลนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า การแพทย์ชีวภาพ ยานยนต์อัจฉริยะ และเทคโนโลยี AI เป็นต้น เพื่อบรรลุเป้าหมายการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน
ปธน.ไล่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า ไต้หวัน – รัฐนอร์ทแคโรไลนา ผูกสัมพันธ์เป็นพี่น้องกันมาเป็นระยะเวลากว่า 40 ปีแล้ว ตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการไต้หวันหลายรายต่างทยอยลงทุนวางรากฐานในรัฐนอร์ทแคโรไลนากันอย่างกระตือรือร้น อันเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าแบบทวิภาคีในเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 รัฐนอร์ทแคโรไลนาได้จัดตั้งสำนักงานตัวแทนในต่างประเทศแห่งที่ 9 ขึ้นในไต้หวัน และกำหนดให้ไต้หวันเป็นฐานหลักในการเชื่อมโยงตลาดเอเชีย ระหว่างภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้และจีน เพื่อจัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือที่ใกล้ชิด ตลอดจนเพื่อส่งเสริมให้ความสัมพันธ์แบบทวิภาคี ระหว่างไต้หวัน – รัฐนอร์ทแคโรไลนา ดำเนินไปอย่างคึกคักมากยิ่งขึ้น
ปธน.ไล่ฯ ระบุว่า ผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจของรัฐนอร์ทแคโรไลนามีความโดดเด่นเป็นพิเศษ อันเนื่องจากการมีบุคลากรคุณภาพสูงและสภาพแวดล้อมการลงทุนที่เป็นมิตร อีกทั้งยังมีอุทยานวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ อย่างเช่นอุทยาน Research Triangle Park (RTP) ซึ่งเป็นฐานรวบรวมบุคลากรและทรัพยากรภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรมและภาควิชาการไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งในปัจจุบัน มุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมหลักอย่างเทคโนโลยีสารสนเทศ การผลิตยานยนต์ รวมไปถึงการผลิตยาและเวชภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งความเชี่ยวชาญเหล่านี้ล้วนแต่สอดคล้องกับอุตสาหกรรมข้อได้เปรียบของไต้หวันด้วยเช่นกัน
ปธน.ไล่ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ประกอบการยานยนต์อัจฉริยะและเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวัน ต่างทยอยเข้าร่วมการประชุมสุดยอดการลงทุน SelectUSA Investment Summit ในปี 2566 และ 2568 โดยได้รวบรวมคณะเดินทางเข้าสำรวจสภาพแวดล้อมการลงทุนในรัฐนอร์ทแคโรไลนา เพื่อแสวงหาโอกาสทางความร่วมมือแบบทวิภาคี ปธน.ไล่ฯ เชื่อว่า หากไต้หวัน – รัฐนอร์ทแคโรไลนา จับมือกันเสริมสร้างความร่วมมือเชิงลึกในด้านการแพทย์ชีวภาพ ยานยนต์อัจฉริยะและเทคโนโลยี AI เป็นต้น จะสามารถสร้างคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ในด้านการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและการค้า ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ รวมไปถึงสวัสดิการในอนาคตของมวลมนุษยชาติ
ในโอกาสนี้ ปธน.ไล่ฯ ยังได้แสดงความขอบคุณต่อกรมการศึกษาของรัฐนอร์ทแคโรไลนา ที่ยินดีบรรจุ “การทดสอบทักษะภาษาจีน TOCFL” เข้าสู่กรอบโครงสร้าง “ตราประทับแห่งความรู้สองภาษา” (Seal of Biliteracy) เพื่อวางรากฐานที่มั่นคงในการยกระดับความสัมพันธ์แบบทวิภาคี ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ พร้อมกันนี้ ปธน.ไล่ฯ ยังได้แสดงความขอบคุณต่อสภารัฐนอร์ทแคโรไลนา ที่มีมติผ่านแถลงการณ์ที่เป็นมิตรต่อไต้หวันมาติดต่อกันเป็นระยะเวลา 5 ปี ซึ่งไม่เพียงแต่จะให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศแล้ว ยังให้การสนับสนุนการเจรจา “ข้อตกลงทางการค้าแบบทวิภาคี ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ” อีกด้วย
ในลำดับต่อมา Mr. Stein กล่าวขณะปราศรัยว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มีโอกาสเดินทางมาเยือนไต้หวันเป็นครั้งแรก ซึ่ง Mr. Stein รู้สึกประทับใจต่อพลังความสดใสและจิตวิญญาณด้านนวัตกรรมที่พบเห็นบนเกาะแห่งนี้ และสัมผัสได้ว่า ความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วน ระหว่างไต้หวัน – รัฐนอร์ทแคโรไลนา ยังมีพื้นที่และศักยภาพที่รอคอยการพัฒนาอีกมาก เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างถนอมรักษาระบอบประชาธิปไตย ควบคู่ไปกับการกระตุ้นการพัฒนาและนวัตกรรมของภาคธุรกิจอย่างเสรี เพื่อสรรสร้างอนาคตที่มีความเจริญรุ่งเรืองและมีการพัฒนาที่ยั่งยืน โดย Mr. Stein กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการเดินทางเยือนไต้หวันในครั้งนี้ ก็เพื่อการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและการค้า ซึ่ง Mr. Stein ได้ให้การยกย่องต่อศักยภาพทางเศรษฐกิจของภาคประชาชนชาวไต้หวัน ระบบเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่าย สามารถเอื้อประโยชน์แก่กัน และมีโอกาสที่สามารถพัฒนาไปสู่ความร่วมมือในหลากหลายมิติ ในปัจจุบัน มีผู้ประกอบการชาวไต้หวันหลายรายที่วางรากฐานธุรกิจเข้าสู่พื้นที่รัฐนอร์ทแคโรไลนา และมีผู้ประกอบการอีกหลายรายที่มีเจตนารมณ์ในการเข้าลงทุนในรัฐนอร์ทแคโรไลนา
Mr. Stein แถลงว่า ในปีนี้ รัฐนอร์ทแคโรไลนาได้รับการโหวตคัดเลือกให้เป็นรัฐที่เหมาะสมสำหรับการทำธุรกิจมากที่สุดในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 ตลอดระยะเวลาในรอบ 4 ปี อีกทั้งยังมีอัตราการเติบโตทางประชากรสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ นอกจากนี้ รัฐนอร์ทแคโรไลนายังมี “อุทยานวิทยาศาสตร์ RTP” ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ จึงจะเห็นได้ว่า รัฐนอร์ทแคโรไลนามีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนการบริหารในภาคส่วนของพลังงานไฟฟ้า ที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน แรงงานและภาษี ประกอบกับทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่โดดเด่น ความสมบูรณ์ของโครงสร้างพื้นฐาน และคุณภาพชีวิตที่ยอดเยี่ยม
Mr. Stein เน้นย้ำว่า ทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของรัฐนอร์ทแคโรไลนา คือบุคลากรที่ยอดเยี่ยม รัฐนอร์ทแคโรไลนามีสถาบันอุดมศึกษาและวิทยาลัยชุมชนที่มีมาตรฐานสูง และมีหน้าที่ในการบ่มเพาะบุคลากรที่ภาคอุตสาหกรรมต้องการในด้านต่างๆ อาทิ ชีววิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ เซมิคอนดักเตอร์ เทคโนโลยี AI เทคโนโลยีอวกาศ รถยนต์ การผลิตทันสมัย การเงินและเกษตรกรรม เป็นต้น
Mr. Stein ระบุว่า การพัฒนาทางเศรษฐกิจของรัฐนอร์ทแคโรไลนา และ “5 อุตสาหกรรมหลักที่มีความน่าเชื่อถือ” ของไต้หวัน มีความเชื่อมโยงกันในระดับสูง จึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายเดินหน้าเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า เพื่อส่งเสริมให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า เปลี่ยนผ่านไปสู่ความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมที่มีความลึกซึ้ง อันจะนำไปสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างภาคประชาชนที่แน่นแฟ้น เพื่อร่วมสร้างอนาคตที่ดีงามอย่างยั่งยืนต่อไป