ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ผลสัมฤทธิ์ในภารกิจการทูต เศรษฐกิจและการค้า ในไตรมาส 3 ประจำปี 2568 ที่มุ่งผลักดันโดยกต.ไต้หวันและสำนักงานตัวแทนรัฐบาลไต้หวันในต่างแดน
2025-11-12
New Southbound Policy。ผลสัมฤทธิ์ในภารกิจการทูต เศรษฐกิจและการค้า ในไตรมาส 3 ประจำปี 2568 ที่มุ่งผลักดันโดยกต.ไต้หวันและสำนักงานตัวแทนรัฐบาลไต้หวันในต่างแดน (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)
ผลสัมฤทธิ์ในภารกิจการทูต เศรษฐกิจและการค้า ในไตรมาส 3 ประจำปี 2568 ที่มุ่งผลักดันโดยกต.ไต้หวันและสำนักงานตัวแทนรัฐบาลไต้หวันในต่างแดน (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)

กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 11 พ.ย. 68

ผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อโลกในไตรมาส 3 ประจำปี 2568 เริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อย ขณะที่สหรัฐฯ ยังคงใช้นโยบายภาษีศุลกากรเพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งก่อให้เกิดความไม่แน่นอนต่อระบบการค้าโลก เพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมภายนอก กระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน และสำนักงานตัวแทนรัฐบาลไต้หวันประจำต่างประเทศ ได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ ในการเสริมสร้างสถานภาพที่สำคัญของไต้หวันในระบบเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ ด้วยการสืบสานแนวคิด “ห่วงโซ่อุปทานที่เป็นอิสระจากการพึ่งพาจีน” (Non – red Supply Chain)” และส่งเสริมการดำเนินการตามโครงการ “หุ้นส่วนห่วงโซ่อุปทานด้านเซมิคอนดักเตอร์รูปแบบประชาธิปไตยระดับโลก” ที่ยื่นเสนอโดยประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ในขณะเดียวกัน กต.ไต้หวันก็ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการคุณภาพของไต้หวัน ในการวางรากฐานธุรกิจระดับโลก เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เศรษฐกิจโลก ควบคู่ไปกับการบรรลุวิสัยทัศน์ “ดินแดนแห่งเศรษฐกิจที่พระอาทิตย์ไม่ตกดิน” นอกจากนี้ กต.ไต้หวันยังได้มุ่งผลักดัน “โครงการสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศพันธมิตร” รวม 8 ประการ เพื่อพัฒนาความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมกับกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือพหุภาคีรูปแบบโครงข่าย (latticework) ระหว่างไต้หวัน - พันธมิตรประชาธิปไตย
 
1. เสริมสร้างความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทานด้านเซมิคอนดักเตอร์รูปแบบประชาธิปไตย ด้วยการประชาสัมพันธ์ให้ทั่วโลกเห็นว่า ไต้หวันเป็นหุ้นส่วนทางความร่วมมือที่ดีที่สุดของ “ห่วงโซ่อุปทานที่เป็นอิสระจากการพึ่งพาจีน” :

เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา นายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวันได้นำคณะตัวแทนเดินทางเยือนอิตาลี เนเธอร์แลนด์ และเช็ก เพื่อเข้าร่วมหารือกับ Mr. Gian Marco Centinaio รองประธานวุฒิสภาอิตาลี และสมาชิกสภา พร้อมกันนี้ รมว.หลินฯ ยังได้เดินทางเข้าแสดงปาฐกถาในศูนย์วิจัยทางกลยุทธ์ของเนเธอร์แลนด์ (HCSS) และเข้าเยี่ยมเยือน “ศูนย์วิจัยและออกแบบแผ่นชิปทันสมัย” (Advanced Chip Design Research Center, ACDRC) ภายใต้โครงการความยืดหยุ่น ระหว่างไต้หวัน - เช็ก เพื่อแสดงให้เห็นว่า ไต้หวันเป็นหุ้นส่วน “ห่วงโซ่อุปทานที่เป็นอิสระจากการพึ่งพาจีน” ที่เชื่อถือได้

ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันนี้ นายอู๋จื้อจง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ Dr. Dave Smith ที่ปรึกษาทางเทคโนโลยีแห่งชาติอังกฤษ ยังได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการร่วมลงนาม “บันทึกความเข้าใจในโครงการฝึกอบรมด้านเซมิคอนดักเตอร์ ระหว่างไต้หวัน - อังกฤษ” ระหว่างนายเหยาจินเสียง ผู้แทนรัฐบาลไต้หวันประจำอังกฤษ และ Ms. Ruth Bradley-Jones ผู้แทนรัฐบาลอังกฤษประจำไต้หวัน ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการพัฒนาความร่วมมือทางห่วงโซ่อุปทานด้านเซมิคอนดักเตอร์รูปแบบประชาธิปไตย ในภายภาคหน้าต่อไป

2. การคว้าสิทธิเข้าร่วมโครงการริเริ่มด้านโครงสร้างพื้นฐานและการขนส่งในประเทศฟิลิปปินส์ (Luzon Economic Corridor, LEC) และมุ่งผลักดัน “โครงการต้นแบบสวนอัจฉริยะในต่างแดน” :

เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รมว.หลินฯ ได้รวบรวมให้ตัวแทนกระทรวงเกษตร สมาคมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศและสมาคมการพาณิชย์สหรัฐฯ - ไต้หวัน รวมถึงผู้นำธุรกิจจำนวน 70 คน เดินทางเข้าสำรวจโอกาสธุรกิจในฟิลิปปินส์ เพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่โครงการ LEC ระหว่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ ผ่านการผลักดันเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงกลุยทธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า ระหว่างไต้หวัน – ฟิลิปปินส์ และส่งเสริมการพิชิตเป้าหมายการร่วมพัฒนาในประเทศที่ 3 ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ภายใต้กรอบการเจรจาหุ้นส่วนเพื่อความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจไต้หวัน – สหรัฐฯ (EPPD)

นอกจากนี้ เมื่อเดือนกรกฎาคม รมว.หลินฯ ยังได้นำคณะตัวแทนผู้ประกอบการคุณภาพที่ประกอบด้วยเซมิคอนดักเตอร์ , การประยุกต์ใช้ AI , การผลิตอัจฉริยะ , การคมนาคมอัจฉริยะ , การปศุสัตว์อัจฉริยะ , โลจิสติกส์ขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิและการแปรรูปอาหาร เป็นต้น เดินทางเยือนปารากวัย เพื่อเข้าตรวจการณ์สถานการณ์ล่าสุดใน “สวนวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ ระหว่างไต้หวัน - ปารากวัย” ทั้งนี้ เพื่อแสดงให้ประชาคมโลกประจักษ์เห็นผลสัมฤทธิ์ทางความร่วมมือ ภายใต้หลักการ “Taiwan can help, and Paraguay can lead” 

3. ผลักดัน “ความร่วมมือด้านพลังงานรูปแบบใหม่” ภายใต้หลักการ “การทูตเชิงบูรณาการ” :

เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รมว.หลินฯ ได้นำคณะตัวแทนธุรกิจไต้หวันเข้าเยี่ยมชมโรงงาน Itaipú Binacional ที่ตั้งอยู่ในปารากวัย เพื่อชี้ให้เห็นว่า ทรัพยากรน้ำและพลังงานไฟฟ้าสีเขียวที่อุดมสมบูรณ์ในปารากวัย ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญทางเศรษฐกิจและการพาณิชย์ที่เป็นมิตรใน “สวนวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ ระหว่างไต้หวัน - ปารากวัย” ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ปารากวัยก้าวสู่การเป็นฐานสำคัญของการรุกขยายตลาดอเมริกาใต้ของผู้ประกอบการไต้หวัน

นอกจากนี้ นายสวีโย่วเตี่ยน ผู้แทนรัฐบาลไต้หวันประจำออสเตรเลีย และ Mr. Robert Fergusson ผู้แทนรัฐบาลออสเตรเลียประจำไต้หวัน ยังได้ร่วมลงนาม “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานและแร่ ระหว่างไต้หวัน - ออสเตรเลีย” ในระหว่าง “การประชุมปรึกษาด้านพลังงานและแร่ ระหว่างไต้หวัน - ออสเตรเลีย” (Joint Energy and Minerals, Trade and Investment Cooperation, JEMTIC) ครั้งที่ 30 

4. บรรลุวิสัยทัศน์ “ดินแดนแห่งเศรษฐกิจที่พระอาทิตย์ไม่ตกดิน” ผ่านการผลักดัน “โครงสร้างพื้นฐานรูปแบบใหม่ด้าน AI รวม 10 รายการ” ตามหลักการการทูตเชิงเศรษฐกิจและการค้า :

เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา รมว.หลินฯ ได้นำคณะตัวแทนเข้าเยี่ยมเยือนผู้ประกอบการไต้หวันที่พำนักในเช็ก ในระหว่างการเดินทางเยือนเช็ก อาทิ Inventec , Wistron และ Foxconn สะท้อนให้เห็นความเชื่อมโยงทางความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุปทานโลก ระหว่างไต้หวัน – เช็ก อย่างใกล้ชิด โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเชื่อมโยง “โครงสร้างพื้นฐานรูปแบบใหม่ด้าน AI รวม 10 รายการ” เข้ากับภาคอุตสาหกรรมในเช็ก เพื่อรุกขยายพื้นที่ความร่วมมือทางเทคโนโลยีขั้นสูงในขอบเขตที่กว้างยิ่งๆ ขึ้นไป