กระทรวงเศรษฐการและกระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 12 พ.ย. 68
เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและความยืดหยุ่นของระบบการบริหารจัดการ คณะกรรมการร่วมภายใต้กรอบความร่วมมือ Global Cooperation and Training Framework (GCTF) ที่เกิดจากการรวมตัวขึ้นของกระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน ,สถาบันอเมริกาในไต้หวัน , สมาคมแลกเปลี่ยนญี่ปุ่น – ไต้หวัน , สำนักงานตัวแทนรัฐบาลออสเตรเลียประจำกรุงไทเป และสำนักงานการค้าแคนาดาประจำกรุงไทเป พร้อมด้วยกรมพลังงาน ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงเศรษฐการไต้หวัน จึงได้จัดการประชุม ภายใต้หัวข้อ “การเสริมสร้างอนาคตแห่งพลังงานที่เปี่ยมความยืดหยุ่น ภายใต้กรอบ GCTF” (GCTF International Workshop on Building a Resilient Energy Future) ขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 12 – 14 พฤศจิกายน 2568 ณ โรงแรม Grand Victoria Hotel กรุงไทเป โดยได้ติดต่อเชิญเจ้าหน้าที่ภาครัฐ นักวิชาการและตัวแทนภาคอุตสาหกรรมจาก 20 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วมเป็นจำนวนรวม 110 คน เพื่อแบ่งปันประสบการณ์แบบข้ามพรมแดน และการเสวนาทางนโยบาย
นายก่งหมิงซิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการของไต้หวัน กล่าวขณะปราศรัยว่า เมื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ นานาประเทศทั่วโลกจำเป็นต้องคำนึงถึงเสถียรภาพการส่งจ่ายพลังงานและความรับผิดชอบในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในระหว่างการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ซึ่งไต้หวันได้เดินหน้าจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานด้วยความกระตือรือร้น ในระหว่างการผลักดัน “พลังงานสีเขียวในมิติที่หลากหลาย” และ “การประหยัดพลังงานเชิงลึก” อาทิ เครือข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ระบบกักเก็บพลังงาน และพลังงานแบบกระจาย
รมว.ก่งฯ กล่าวว่า GCTF เป็นแพลตฟอร์มสำคัญของการร่วมผลักดันการแลกเปลี่ยนในประเด็นระดับสากล และการจัดตั้งศักยภาพของไต้หวันและกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน โดยรมว.ก่งฯ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมแบ่งปันประสบการณ์ เสริมสร้างความร่วมมือ ตลอดจนผลักดันการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในพื้นที่ภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก ผ่านการจัดค่ายกิจกรรมในครั้งนี้
ค่ายกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นเวลาติดต่อกัน 3 วัน รวบรวมไว้ซึ่งการอภิปรายในหัวข้อต่างๆ 6 รายการ ประกอบด้วย ความท้าทายด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงานและความยืดหยุ่น , การพัฒนาพลังงานหมุนเวียน , เศรษฐกิจหมุนเวียน , ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน , ความยืดหยุ่นของระบบโครงข่ายไฟฟ้าและทรัพยากรแร่ที่สำคัญ ซึ่งบรรดาผู้บรรยายนานาชาติหลายคนต่างเข้าร่วมแบ่งปันกรณีตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จ อาทิ แนวทางการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงาน , การพัฒนาไมโครกริด เพื่อรองรับความยืดหยุ่นด้านพลังงานในการช่วยเหลือฟื้นฟูภัยพิบัติ , นวัตกรรมการรีไซเคิลแผงโซลาร์เซลล์และถ่านแบตเตอรี ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาไปสู่การบรรลุเป้าหมายเศรษฐกิจหมุนเวียน หลังเสร็จสิ้นการประชุม ยังได้จัดรวบรวมให้กลุ่มผู้เรียนเข้าเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติต้าถัน (Tatan Power Plant) ของบริษัทการไฟฟ้าไต้หวัน และสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG Terminal) แห่งที่ 3 ของบริษัท CPC Corporation เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความเข้าใจต่อผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ในด้านการส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าอย่างมีเสถียรภาพ และการยกระดับความยืดหยุ่นด้านพลังงาน
ในโอกาสนี้ Ms. Ruth Bradley-Jones ผู้แทนรัฐบาลอังกฤษประจำไต้หวัน ยังได้ประกาศการเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนสมาชิกทางการลำดับที่ 6 ภายใต้กรอบ GCTF ของอังกฤษ โดย Ms. Bradley-Jones ระบุว่า หลายปีมานี้ พวกเรามุ่งมั่นเข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการ ภายใต้กรอบ GCTF หลายรายการ สำนักงานตัวแทนรัฐบาลไต้หวันประจำอังกฤษ รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้ก้าวสู่การเป็นหุ้นส่วนสมาชิกทางการ
นายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน ระบุว่า การเข้าร่วมของอังกฤษ สื่อให้เห็นถึงความสัมพันธ์รูปแบบหุ้นส่วนที่ได้รับการพัฒนาในทิศทางเชิงรุก และแสดงให้เห็นถึงการสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประชาคมโลกของไต้หวัน ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งรัฐบาลอังกฤษเฝ้าจับตาต่อสันติภาพและเสถียรภาพในระดับภูมิภาคอินโด – แปซิฟิกอย่างใกล้ชิดเสมอมา ควบคู่ไปกับการผลักดันประชาธิปไตย หลักนิติธรรม สิทธิมนุษยชนและการพัฒนาอย่างยั่งยืน รมว.หลินฯ เชื่อว่า จากการเข้าร่วมของรัฐบาลอังกฤษ จะเป็นการอัดฉีดศักยภาพความเป็นมืออาชีพและผลกระทบในระดับสากลที่เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นให้แก่ GCTF ต่อไป
ตราบจนปัจจุบัน ได้มีการจัดกิจกรรมภายใต้กรอบ GCTF แล้วกว่า 90 รายการ ซึ่งครอบคลุมทั้งในประเด็นสาธารณสุข การบริหารปกครองในรูปแบบประชาธิปไตย การเสริมสร้างศักยภาพสตรี เศรษฐกิจดิจิทัล และการป้องกันภัยพิบัติ เป็นต้น ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการสร้างปฏิสัมพันธ์และความร่วมมือ ระหว่างผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ภาครัฐจำนวนนับร้อยที่เดินทางมารวมตัวกัน โดยไต้หวันจะยึดมั่นในการทูตเชิงค่านิยมและการทูตเชิงบูรณาการ จับมือกับหุ้นส่วนนานาชาติ เพื่อมุ่งหน้าพัฒนาต่อไปในทิศทางเชิงลึก ตลอดจนร่วมสร้างคุณประโยชน์ด้านสวัสดิการให้แก่มวลมนุษยชาติ ภายใต้กรอบ GCTF อย่างเป็นรูปธรรมสืบไป