กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 13 พ.ย. 68
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตามเวลาในเขตตะวันออกของแคนาดา รัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนําระดับโลก 7 ประเทศ (G7) และคณะผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายการทูตและความมั่นคงของสหภาพยุโรป ร่วมจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่ม G7 ขึ้น ณ ไนแอการา ประเทศแคนาดา ซึ่งได้มีการประกาศแถลงการณ์หลังเสร็จสิ้นการประชุม โดยระบุให้ความสำคัญต่อการธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ควบคู่ไปกับการแสดงจุดยืนต่อต้านความทะเยอทะยานที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมในปัจจุบัน ด้วยกำลังทหารหรือการสร้างแรงกดดัน โดยกลุ่มประเทศ G7 หวังจะเห็นทั้งสองฝ่ายแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ด้วยการเสวนาอย่างสันติ ตลอดจนให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมอย่างเหมาะสมและมีความหมายในองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน รู้สึกยินดีและขอแสดงความขอบคุณด้วยใจจริงต่อ G7 สำหรับการให้เห็นความสำคัญต่อสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน รวมถึงการให้สนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศ ด้วยวิธีการที่เป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง
นายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวัน ระบุว่า นับเป็นครั้งที่ 4 ในปี พ.ศ. 2568 ที่การประชุมรมว.ต่างประเทศของกลุ่ม G7 ได้แสดงจุดยืนให้การสนับสนุนสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน สะท้อนให้เห็นว่า การธำรงรักษาสถานภาพเดิมของช่องแคบไต้หวัน ได้พัฒนาสู่การเป็นฉันทามติร่วมกันของประชาคมโลกแล้ว ในโอกาสนี้ กต.ไต้หวันยังได้เรียกร้องให้หุ้นส่วนมิตรประเทศ ร่วมให้ความสำคัญและการสนับสนุนต่อสันติภาพในช่องแคบไต้หวันอย่างต่อเนื่อง ไต้หวันในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลกที่มีความรับผิดชอบ พวกเราจะจับมือกับพันธมิตรประชาธิปไตย เพื่อส่งเสริมให้เกิดสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคและช่องแคบไต้หวัน โดยกต.ไต้หวันก็จะเดินหน้าผลักดัน “การทูตเชิงบูรณาการ” อย่างกระตือรือร้นต่อไป เพื่อแสดงให้ประชาคมโลกประจักษ์เห็นคุณูปการที่ไต้หวันร่วมสร้างในกลไกความร่วมมือนานาชาติแบบพหุภาคี
การประชุมในครั้งนี้ ประเทศเจ้าภาพยังได้ติดต่อเชิญรัฐมนตรีการต่างประเทศจากบราซิล , อินเดีย , ซาอุดิอาระเบีย , เม็กซิโก , เกาหลีใต้ , แอฟริกาใต้และยูเครน เข้าร่วมอภิปรายในประเด็นความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองด้านกิจการทางทะเล , ทรัพยากรแร่ที่สำคัญ , ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจและความมั่นคงด้านพลังงาน
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา Mr. Jean-Noël Barrot รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศส ได้เข้าร่วมการประชาพิจารณ์ของคณะกรรมาธิการการต่างประเทศในสมัชชาแห่งชาติ โดยรมว.Barrot ตอบข้อซักถามในระหว่างที่ประชุมว่า รัฐบาลฝรั่งเศสยืนหยัดในจุดยืนต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมของช่องแคบไต้หวัน ด้วยกำลังทหารและการสร้างแรงกดดัน พร้อมให้การยอมรับต่อความร่วมมืออันใกล้ชิด ระหว่างไต้หวัน - ฝรั่งเศส ในด้านพลังงาน แบตเตอรี เทคโนโลยี AI และเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งความร่วมมือที่เกี่ยวข้อง ล้วนแต่มีความสอดคล้องกับการผลักดันการปฏิวัติอุตสาหกรรม การยกระดับศักยภาพทางการแข่งขัน และการเสริมสร้างนโยบายด้านการพัฒนาศักยภาพของประเทศชาติด้วยตนเองของฝรั่งเศส
ในโอกาสนี้ รมว.หลินฯ ขอแสดงความขอบคุณและรู้สึกเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลฝรั่งเศส ยืนหยัดให้การสนับสนุนด้านการธำรงรักษาสถานภาพเดิมในปัจจุบันของช่องแคบไต้หวันด้วยสันติวิธี พร้อมทั้งแสดงจุดยืนเน้นย้ำความสำคัญของสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ที่มีต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองระดับโลก
ไต้หวัน - ฝรั่งเศส ต่างยึดมั่นในค่านิยมสากลด้านประชาธิปไตย เสรีภาพและสิทธิมนุษยชนร่วมกัน หลายปีมานี้ ทั้งสองฝ่ายได้ประสานความร่วมมือกันในด้านต่างๆ อย่างใกล้ชิด อาทิ เศรษฐกิจ การค้า เทคโนโลยี การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ไปจนถึงการศึกษาและวัฒนธรรม เป็นต้น โดยกต.ไต้หวันจะยังคงเดินหน้าพัฒนาความร่วมมือกับฝรั่งเศสและกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันอย่างแนบแน่นต่อไป ทั้งนี้ เพื่อการเสริมสร้างความยืดหยุ่นด้านประชาธิปไตย ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้เกิดสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิกและระดับโลกต่อไป