ทำเนียบประธานาธิบดีและกระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 14 พ.ย. 68
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 ตามเวลาในเขตตะวันออกของสหรัฐฯ กระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน ได้รับแจ้งว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ส่งหนังสือแจ้งต่อรัฐสภาอย่างเป็นทางการ ตามกระบวนการทางนิติบัญญัติ เรื่องการอนุมัติการจำหน่ายอะไหล่และชิ้นส่วนซ่อมบำรุงสำหรับเครื่องบินขับไล่ให้แก่ไต้หวัน คิดเป็นมูลค่า 330 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติตามคำมั่นด้านความมั่นคงที่มีต่อไต้หวัน ตามที่ระบุไว้ใน “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” และ “หลักประกัน 6 ประการ” นายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน รู้สึกยินดีและขอบคุณสำหรับการสนับสนุนแบบข้ามพรรคของสภาบริหารและรัฐสภาของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญที่รัฐบาลสหรัฐฯ มีต่อสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน รวมไปถึงศักยภาพการปกป้องประเทศด้วยการพึ่งพาตนเองของไต้หวัน
การจำหน่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ไต้หวันในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในวาระการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สมัยที่ 2 ซึ่งเจ้าหน้าที่ภาครัฐระดับสูงของสหรัฐฯ เน้นย้ำบ่อยครั้งว่า สหรัฐฯ จะร่วมธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ควบคู่ไปกับการแสดงจุดยืนต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมในปัจจุบันอย่างหนักแน่น
เมื่อเผชิญหน้ากับการแผ่ขยายอิทธิพลด้วยกำลังทหาร รวมถึงพฤติกรรมการรุกรานจากจีนที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับการสร้างความยั่วยุท้าทายด้วยกลยุทธ์พื้นที่สีเทา ไต้หวันจะยังคงยืนหยัดในหลักการสันติภาพและเสรีภาพ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการปกป้องประเทศด้วยการพึ่งพาตนเอง ซึ่งเมื่อช่วงที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน ได้ประกาศชัดแจ้งแล้วว่า จะปรับเพิ่มงบประมาณกลาโหมให้เพิ่มขึ้น 3.32% ของ GDP ในปีหน้านี้ และพิชิตเป้าหมาย 5% ของ GDP ภายในปี พ.ศ. 2573
กต.ไต้หวันย้ำชัดว่า ไต้หวันจะเดินหน้าพัฒนาความร่วมมือกับสหรัฐฯ และหุ้นส่วนทางความมั่นคงทั่วโลก เพื่อยกระดับศักยภาพและความยืดหยุ่นในการปกป้องประเทศ ตลอดจนขอเรียกร้องให้ประชาคมโลก เดินหน้าส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในช่องแคบไต้หวันและระดับภูมิภาค ด้วยวิธีการที่เป็นรูปธรรมต่อไป