ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ไต้หวัน – อิสราเอล ร่วมจัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ครั้งที่ 15 พร้อมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลผลการตรวจสอบสิทธิบัตรและทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญาแบบทวิภาคี
2025-11-19
New Southbound Policy。ไต้หวัน – อิสราเอล ร่วมจัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ครั้งที่ 15 พร้อมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลผลการตรวจสอบสิทธิบัตรและทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญาแบบทวิภาคี (ภาพจากกระทรวงเศรษฐการ)
ไต้หวัน – อิสราเอล ร่วมจัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ครั้งที่ 15 พร้อมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลผลการตรวจสอบสิทธิบัตรและทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญาแบบทวิภาคี (ภาพจากกระทรวงเศรษฐการ)

กระทรวงเศรษฐการ วันที่ 17 พ.ย. 68

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นางเจียงเหวินรั่ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐการไต้หวัน และ Mr. Roey Fisher คณะกรรมการบริหารในกิจการการค้าระหว่างประเทศ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของอิสราเอล ร่วมเป็นประธานผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ใน “การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ระหว่างไต้หวัน - อิสราเอล ครั้งที่ 15” พร้อมทั้งเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ 2 ฉบับ ได้แก่ : “ทรัพย์สินทางปัญญา” และ “การแลกเปลี่ยนข้อมูลผลการตรวจสอบสิทธิบัตร” (Patent Prosecution Highway, PPH MOTTAINAI) ระหว่างนางหลี่หย่าผิง ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำเมืองเทลอาวีฟ และ Mr. Maya Yaron ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมอิสราเอลประจำกรุงไทเป
 
การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และการผลักดันความร่วมมือในด้านต่างๆ อาทิ ทรัพยากรน้ำ , เทคโนโลยี AI , นวัตกรรมเทคโนโลยี , เมืองอัจฉริยะ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นต้น โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะผสานจุดแข็งของกัน พร้อมเผยให้เห็นประสิทธิภาพ ผ่านการประชุมครั้งนี้ ทั้งนี้ เพื่อยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม ตลอดจนเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์แบบทวิภาคี ให้เกิดการพัฒนาที่รุดหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป
 
รมช.เจียงฯ ระบุว่า เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการค้าโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผัน นานาประเทศทั่วโลกต่างย้อนพิจารณาแนวทางการจัดตั้งห่วงโซ่อุปทานที่มีความมั่นคง ครอบคลุมและมีความยืดหยุ่น ไต้หวันในฐานะ “อาณาจักรแห่งสตาร์ทอัพ” ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก รวบรวมไว้ซึ่งบรรดาผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ และดึงดูดนักธุรกิจจากทั่วโลกเข้าจัดตั้งศูนย์วิจัยพัฒนา เนื่องด้วยไต้หวันมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดในโลก จึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายเร่งเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางความร่วมมือ ในการจัดตั้งห่วงโซ่อุปทานด้านเทคโนโลยีเกิดใหม่ ด้วยข้อได้เปรียบที่สามารถเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน
 
อิสราเอลเป็นหุ้นส่วนทางความร่วมมือด้าน PPH ลำดับที่ 8 ต่อเนื่องจากสหรัฐฯ , ญี่ปุ่น , สเปน , เกาหลีใต้ , โปแลนด์ , แคนาดาและฝรั่งเศส ซึ่งโครงการ PPH ระหว่างไต้หวัน - อิสราเอล จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 2 มกราคม 2569 เป็นต้นไป ซึ่งจะช่วยลดความซ้ำซ้อนในการตรวจสอบคำขอรับสิทธิบัตรในสิ่งประดิษฐ์เดียวกัน และช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถใช้ประโยชน์จากผลการสืบค้น และผลการตรวจสอบของกันและกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผู้ขอรับสิทธิบัตรจากทั้งสองประเทศ สามารถได้รับสิทธิบัตรเร็วขึ้น
 
นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งในอนาคตทั้งสองฝ่ายจะสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล และกระตุ้นการแลกเปลี่ยนบุคลากรมืออาชีพ รวมไปถึงการส่งเสริมความตระหนักรู้ด้านทรัพย์สินทางปัญญา โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูงของอิสราเอล ในด้านเทคโนโลยีทางการทหาร , ความปลอดภัยไซเบอร์ , การแพทย์ , เทคโนโลยีชีวภาพและเทคโนโลยี AI ผนวกเข้ากับข้อได้เปรียบของไต้หวัน ในด้านเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ เชื่อว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถพัฒนาความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา ให้ดำเนินไปในทิศทางเชิงลึกต่อไป
 
กรมทรัพย์สินทางปัญญาของไต้หวัน ยึดมั่นในเป้าหมายการสร้างกลไกคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นมิตรต่อภาคธุรกิจมาโดยตลอด การลงนามบันทึกความเข้าใจด้าน PPH และทรัพย์สินทางปัญญา ระหว่างไต้หวัน - อิสราเอลในครั้งนี้ ถือเป็นรากฐานความร่วมมือเชิงปฏิบัติของทั้งสองประเทศ ซึ่งผู้ขอรับสิทธิบัตรจะสามารถได้รับสิทธิบัตรได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะเอื้อต่อการวางกลยุทธ์ด้านสิทธิบัตรของภาคธุรกิจ อีกทั้งยังช่วยให้ทั้งสองประเทศผสานจุดแข็งด้านเทคโนโลยี และประสานความร่วมมือกันอย่างแข็งแกร่ง ตลอดจนสร้างพลังขับเคลื่อนรูปแบบใหม่ให้แก่การพัฒนาอุตสาหกรรม