ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
“การประชุมด้านสุขภาพและสวัสดิการระดับโลกในไต้หวัน” ประจำปี 2568 เปิดฉากขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ขานรับวาระครบรอบ 30 ปีของการจัดตั้งระบบหลักประกันสุขภาพ ระหว่างนี้ได้มีการลงนามแถลงการณ์ร่วม เพื่อสร้างหลักชัยใหม่ด้านการทูตเชิงสาธารณสุขระดับโลก
2025-11-19
New Southbound Policy。“การประชุมด้านสุขภาพและสวัสดิการระดับโลกในไต้หวัน” ประจำปี 2568 เปิดฉากขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ขานรับวาระครบรอบ 30 ปีของการจัดตั้งระบบหลักประกันสุขภาพ ระหว่างนี้ได้มีการลงนามแถลงการณ์ร่วม เพื่อสร้างหลักชัยใหม่ด้านการทูตเชิงสาธารณสุขระดับโลก (ภาพจากกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ)
“การประชุมด้านสุขภาพและสวัสดิการระดับโลกในไต้หวัน” ประจำปี 2568 เปิดฉากขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ขานรับวาระครบรอบ 30 ปีของการจัดตั้งระบบหลักประกันสุขภาพ ระหว่างนี้ได้มีการลงนามแถลงการณ์ร่วม เพื่อสร้างหลักชัยใหม่ด้านการทูตเชิงสาธารณสุขระดับโลก (ภาพจากกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ)

กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ วันที่ 17 พ.ย. 68

“การประชุมด้านสุขภาพและสวัสดิการระดับโลกในไต้หวัน” ประจำปี 2568 (2025 Global Health and Welfare Forum in Taiwan) ที่ร่วมจัดขึ้นโดยกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ (MOHW) กระทรวงการต่างประเทศ (MOFA) และสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติของไต้หวัน (NHI) มีกำหนดการจัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมนานาชาติไทเป (TICC) ในช่วงระหว่างวันที่ 17 – 18 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งการประชุมครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “วาระครบรอบ 30 ปีของการจัดตั้งระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติไต้หวัน : ร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืน” (Taiwan National Health Insurance at 30 : Toward Sustainable Success in the 21st Century) ระหว่างการประชุม ได้เปิดการอภิปรายกันในประเด็นแนวคิดสร้างสรรค์ เพื่อการบรรลุความเสมอภาคด้านสุขภาพและรับมือกับวิกฤตสังคมผู้สูงอายุของระบบประกันสุขภาพ อาทิ การประยุกต์ใช้การแพทย์อัจฉริยะ และการจัดตั้งกลไกการดูแลสุขภาพเชิงบูรณาการแบบครอบคลุมตลอดทุกช่วงอายุของมนุษย์ เข้าช่วยส่งเสริมสุขภาพของภาคประชาชน และพิชิตไปสู่เป้าหมายความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพ โดยการประชุมในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อต้องการยกระดับสวัสดิการและความผาสุกของภาคประชาชน ผ่านการสร้างปฏิสัมพันธ์และการแบ่งปันแนวโน้มด้านสุขภาพระดับโลก และประสบการณ์การปฏิบัติจริงของนานาประเทศทั่วโลก
 
การประชุมครั้งนี้ได้ดึงดูดเจ้าหน้าที่ระดับรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ภาครัฐระดับสูงที่มีหน้าที่รับผิดชอบกิจการการแพทย์สาธารณสุขและสวัสดิการ รวม 25 คนจาก 13 ประเทศเดินทางมาเข้าร่วม ได้แก่ : เบลีซ , เอสวาตินี , เฮติ , หมู่เกาะมาร์แชลล์ , ปาเลา , เซนต์วินเซนต์และตูวาลู โดยในวันแรกของการประชุม ได้ติดต่อเชิญนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญแนวหน้าระดับนานาชาติ รวม 40 คนจาก 10 ประเทศ เดินทางมาเข้าร่วมและแบ่งปันประสบการณ์ในภารกิจการปฏิบัติการด้านสาธารณสุขและสวัสดิการระดับโลก
 
นายสือฉงเหลียง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ กล่าวว่า ค่านิยมหลักของระบบหลักประกันสุขภาพ คือความเสมอภาคในการเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ และการเกื้อกูลกันของภาคประชาชน เพื่อให้มั่นใจว่า ภาคประชาชนทุกคนล้วนได้รับหลักประกันความคุ้มครองทางการแพทย์ขั้นพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันไต้หวันต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายที่เกิดจากสังคมผู้สูงอายุ จึงได้จัดการประชุมครั้งนี้ขึ้น เพื่อแลกเปลี่ยนกันในประเด็นความยั่งยืนของหลักประกันสุขภาพ และนวัตกรรมการดูแลทางการแพทย์ ทั้งนี้ เพื่อจัดตั้งกลไกการสาธารณสุขที่มีความยืดหยุ่น และพัฒนาไปสู่การเป็นเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งของไต้หวัน ตลอดจนเพื่อส่งเสริมให้ประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องของไต้หวัน ได้รับการผลักดันขึ้นสู่การเป็นต้นแบบสำคัญในการอ้างอิงเพื่อกำหนดนโยบายสาธารณสุขในระดับโลก
 
นางเฉินเลี่ยงอวี๋ ผู้อำนวยการสนง.ประกันสุขภาพแห่งชาติของไต้หวัน กล่าวว่า ภารกิจขั้นต่อไปคือ การปรับปรุงสภาพแวดล้อมด้านแรงงานในวงการแพทย์ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล อีกทั้งยังต้องส่งเสริมให้การรักษาเชื่อมโยงสู่มาตรฐานสากลอย่างกระตือรือร้น เพื่อการสรรสร้างสภาพแวดล้อมทางการแพทย์ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
 
ในระหว่างการประชุมครั้งนี้ นายจวงเหรินเสียง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขฯ ยังได้ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมโต๊ะกลม และได้ลงนามและประกาศแถลงการณ์ร่วม (Ministerial Joint Statement) กับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขจากเบลีซ , เอสวาตินี , เฮติ , หมู่เกาะมาร์แชลล์ , ปาเลา , เซนต์วินเซนต์และตูวาลู ซึ่งแถลงการณ์ข้างต้นได้เรียกร้องให้ประชาคมโลก มุ่งมั่นในภารกิจเพื่อสุขภาพ ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ และอนาคตของโลก ผ่านการปฏิบัติการอย่างเร่งด่วน ที่อัดแน่นไปด้วยจิตวิญญาณความสามัคคีและแนวคิดสร้างสรรค์ ที่ตั้งอยู่บน 5 หลักการของการประกันสุขภาพแบบถ้วนหน้าอย่างครอบคลุม (Universal Health Coverage, UHC) ได้แก่ : “การส่งเสริมความยั่งยืนทางการเงินเพื่อกิจการด้านสุขภาพ” , “การส่งเสริมนวัตกรรมด้านสุขภาพที่ครอบคลุม” , “การจัดตั้งระบบสุขภาพที่ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” , “การเสริมสร้างความสามัคคีและความร่วมมือระดับโลก” และ “การติดตามและตรวจสอบความคืบหน้าในขอบเขตความรับผิดชอบ”