ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ปธน.ไล่ชิงเต๋อให้การต้อนรับ Mr. Jabulani Mabuza ประธานสภาผู้แทนราษฎรราชอาณาจักรเอสวาตินี พร้อมด้วยคณะ
2025-11-26
New Southbound Policy。ปธน.ไล่ชิงเต๋อให้การต้อนรับ Mr. Jabulani Mabuza ประธานสภาผู้แทนราษฎรราชอาณาจักรเอสวาตินี พร้อมด้วยคณะ (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
ปธน.ไล่ชิงเต๋อให้การต้อนรับ Mr. Jabulani Mabuza ประธานสภาผู้แทนราษฎรราชอาณาจักรเอสวาตินี พร้อมด้วยคณะ (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 25 พ.ย. 68
 
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน ได้ให้การต้อนรับ Mr. Jabulani Mabuza ประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งราชอาณาจักรเอสวาตินี พร้อมด้วยคณะ โดยปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลเอสวาตินีที่ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันบนเวทีนานาชาติอย่างหนักแน่นเสมอมา
 
ปธน.ไล่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อปี พ.ศ. 2561 Mr. Mabuza เคยเดินทางเยือนไต้หวัน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และการค้า และได้ร่วมลงนาม “ความตกลงทางร่วมมือด้านเศรษฐกิจ” กับไต้หวัน เพื่อวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและการค้าแบบทวิภาคี หลายปีมานี้ ไต้หวัน - เอสวาตินี ได้ประสานความร่วมมือกันจนบังเกิดผลสัมฤทธิ์ขึ้นมากมาย ทั้งในด้านการเกษตร , สาธารณสุข , การศึกษา , การส่งเสริมศักยภาพสตรีและพลังงานหมุนเวียน เป็นต้น โดยเฉพาะการจับมือกันผลักดันจัดตั้งคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ ที่ไม่เพียงแต่จะเป็นการยกระดับความมั่นคงทางพลังงานในเอสวาตินีแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการพัฒนาประเทศชาติที่ยั่งยืน ขณะเดียวกัน ปธน.ไล่ฯ ยังได้เน้นย้ำว่า เอสวาตินีเป็นประเทศพันธมิตรสำคัญของไต้หวันในทวีปแอฟริกา ที่นอกจากจะมีสภาพแวดล้อมการลงทุนที่เปี่ยมเสถียรภาพและบุคลากรคุณภาพแล้ว ยังเป็นสมาชิกสำคัญของ “สหภาพศุลกากรแอฟริกาตอนใต้” (Southern African Customs Union, SACU) และ “เขตการค้าเสรีทวีปแอฟริกา” (African Continental Free Trade Agreement, AfCFTA) อีกด้วย จึงนับว่าเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือที่เปี่ยมศักยภาพของไต้หวัน โดยในอนาคต รัฐบาลไต้หวันจะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการชาวไต้หวัน เข้าลงทุนในเอสวาตินีเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เอสวาตินีก้าวสู่การเป็นฐานสำคัญของไต้หวัน ในการเชื่อมโยงสู่ตลาดทวีปแอฟริกา  
 
ปธน.ไล่ฯ ยังได้ใช้โอกาสนี้ แสดงความขอบคุณต่อเอสวาตินี ที่ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันบนเวทีนานาชาติอย่างหนักแน่นเสมอมา พร้อมทั้งระบุว่า ในปีนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 (H.M. King Mswati Ⅲ) ได้เรียกร้องให้มีการยุติการตีความญัตติที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ฉบับที่ 2758 ในทิศทางที่บิดเบือนต่อข้อข้อเท็จจริง พร้อมเปิดรับการเข้าร่วมของไต้หวัน จึงจะสามารถบรรลุจิตวิญญาณ “การไม่ละทิ้งผู้ใดไว้เบื้องหลัง” ที่กำหนดไว้โดยสหประชาชาติ
 
Mr. Mabuza กล่าวขณะปราศรัยว่า การเดินทางในครั้งนี้ เปี่ยมด้วยนัยยะสำคัญที่พิเศษยิ่ง โดยคณะตัวแทนได้ทำความเข้าใจต่อผลสัมฤทธิ์ที่โดดเด่นในด้านต่างๆ ของไต้หวัน ผ่านการหารือที่เต็มไปด้วยประโยชน์ข้อคิดและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของไต้หวัน ประชาธิปไตยที่เจริญรุ่งเรือง และความมุ่งมั่นทุ่มเทในการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมถึงสวัสดิการสังคม สร้างความประทับใจให้แก่คณะตัวแทนเป็นอย่างมาก โดยเอสวาตินีหวังที่จะนำไปอ้างอิงประยุกต์ใช้ในการพัฒนาประเทศชาติของตนต่อไป  
 
Mr. Mabuza กล่าวว่า บทบาทผู้นำและวิสัยทัศน์ของปธน.ไล่ฯ ที่มุ่งเน้นนโยบายด้านนวัตกรรม , การศึกษาและการยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง มีความสอดคล้องกับการพัฒนาในเอสวาตินีอย่างแนบแน่น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในยุคสมัยใหม่ ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไปจนถึงความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ เชื่อว่ามีเพียงการเรียนรู้และจับมือกัน จึงจะสามารถแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหา ที่สร้างประโยชน์แก่ภาคประชาชน และสร้างอานิสงส์แก่ประชาคมโลก
 
Mr. Mabuza ระบุว่า ความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างไต้หวัน - เอสวาตินี สะท้อนให้เห็นถึงอำนาจอธิปไตย การเคารพซึ่งกันและกัน และค่านิยมทางความร่วมมือ หลังจากนี้ เอสวาตินีจะยังคงเสริมสร้างความสัมพันธ์รูปแบบหุ้นส่วนในเชิงลึกกับไต้หวันต่อไป ไม่ว่าจะในด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม หรือจะเป็นการแพทย์ สาธารณสุขและเทคโนโลยี เป็นต้น ซึ่งต่างก็สามารถเล็งเห็นถึงศักยภาพการขยายตัว และทิศทางที่มุ่งสู่ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันในอนาคต