คณะกรรมการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วันที่ 29 พ.ย. 68
“ดาวเทียมฉีป๋อหลิน” หรือดาวเทียม FORMOSAT-8 ถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรโดยจรวด Falcon 9 เที่ยวบิน Transporter-15 ของบริษัท SpaceX เมื่อเวลา 02:44 น. ของวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตามเขตเวลาในไต้หวัน โดยดาวเทียมดวงนี้ ได้ถูกปล่อยเข้าสู่วงโคจรตามแผนภารกิจ เมื่อเวลา 05:04 น. และได้ทำการติดต่อสื่อสารกับสถานีภาคพื้นดินของนอร์เวย์เป็นครั้งแรกเ มื่อเวลา 05:34 น. ของเช้าวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ดาวเทียมข้างต้นได้เคลื่อนตัวผ่านไต้หวันเป็นครั้งแรก และสื่อสารกับสถานีภาคพื้นดินของไต้หวันเป็นระยะเวลา 12 นาที เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า คอมพิวเตอร์ออนบอร์ด ระบบพลังงานไฟฟ้าและการควบคุมทิศทางดาวเทียม อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่คาดการณ์ไว้
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน นายจั๋วหรงไท่ นายกรัฐมนตรีไต้หวัน ได้โพสต์ข้อความลงบนสื่อเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า ดาวเทียม FORMOSAT-8 เป็นระบบดาวเทียมรุ่นแรกที่ผลิตเองในไต้หวัน ประกอบด้วยดาวเทียมสำรวจระยะไกลแบบออปติคัลความละเอียดสูง 8 ดวง แสดงให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์ที่ค่อยเป็นค่อยไป อันเกิดจากความมุ่งมั่นพยายาม ภายใต้โครงการอวกาศระยะสามของไต้หวัน โดยนรม.จั๋วฯ กล่าวว่า คณะกรรมการกิจการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (NSTC) และศูนย์อวกาศแห่งชาติ (TASA) จะเร่งพัฒนาดาวเทียม FORMOSAT-8 ให้กลายเป็นกำลังสำคัญในการติดตามตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินในไต้หวันต่อไป
นายอู๋จงซิ่น ผู้อำนวยการ TASA กล่าวว่า ในปัจจุบัน FORMOSAT-8 ยังคงอยู่ในโหมดความมั่นคง โดยหวังว่าจะพัฒนาไปสู่รูปแบบการทำงานปกติในอีกไม่กี่วงโคจรข้างหน้า ซึ่งคาดว่า หลังจากนี้ 3 เดือนก็จะสามารถทำการบันทึกภาพได้
ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน แถลงว่า การปล่อยดาวเทียม FORMOSAT-8 ขึ้นสู่วงโคจร ไม้เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการก้าวสู่ยุคสมัยแห่งอวกาศของไต้หวันอีกด้วย ซึ่งดาวเทียมข้างต้นและดาวเทียมที่เตรียมปล่อยสู่วงโคจรในระลอกต่อไป จะพัฒนาให้เกิดเป็นเครือข่ายการสังเกตการณ์ภาคพื้นดินที่แน่นหนา ผ่านการรวบรวมข้อมูลด้วยความละเอียดขั้นสูง โดยจะนำไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนการใช้ที่ดิน , การติดตามผลผลิตทางการเกษตร , การรับมือกับสถานการณ์ภัยพิบัติ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นต้น เพื่อเป็นการยกระดับสวัสดิการของภาคประชาชน ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ ทั้งนี้ เพื่อให้ไต้หวันมีศักยภาพในการเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ ในภายภาคหน้าต่อไป
ยุคสมัยแห่งอวกาศมาเยือนแล้ว ไต้หวันนอกจากจะมีดาวเทียมที่ผลิตขึ้นเองแล้ว ยังมีแผนการจัดตั้งฐานปล่อยจรวดแห่งชาติ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการปล่อยดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรด้วยตนเอง โดยในอนาคต รัฐบาลจะจับมือกับทุกแวดวงในภาคอุตสาหกรรม ภาควิชาการและการวิจัย เดินหน้าวิจัยอุตสาหกรรมอวกาศอย่างกระตือรือร้น เพื่อผลักดนให้ไต้หวันก้าวสู่บทบาทสำคัญที่ไม่สามารถขาดได้ในห่วงโซ่อุปทานในภาคอุตสาหกรรมอวกาศระดับสากล