กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 28 พ.ย. 68
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายอู๋จื้อจง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวัน ได้จัดเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อให้การต้อนรับคณะตัวแทนสมาชิกรัฐสภาเดนมาร์ก โดยในโอกาสนี้ รมช.อู๋ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อรัฐสภาเดนมาร์ก ที่ให้การสนับสนุนไต้หวันในการเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศ และแสดงความห่วงกังวลต่อสถานภาพเดิมในปัจจุบันของสถานการณ์ช่องแคบไต้หวัน
รมช.อู๋ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า ไต้หวัน - เดนมาร์ก ต่างก็เป็นหุ้นส่วนที่ยึดมั่นในค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายเดินหน้าพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมืออันดีแบบทวิภาคีในเชิงลึก บนพื้นฐานที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันต่อไป ในระหว่างที่ไต้หวันต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามและการก่อกวนด้วยกำลังทหารจากจีน ประชาคมโลกก็กำลังประสบกับความท้าทาย ที่เกิดจากการรวมพลังอำนาจของกลุ่มลัทธิอำนาจนิยมทั่วโลก รมช.อู๋ฯ จึงขอเรียกร้องให้พันธมิตรด้านประชาธิปไตยประสานความสามัคคีในการเกื้อหนุนแก่กัน จึงจะสามารถยับยั้งความทะเยอทะยานในการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการได้ นอกจากนี้ การที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวัน บังเกิดผลสัมฤทธิ์เฉกเช่นปัจจุบัน ส่วนหนึ่งเกิดจากความร่วมมือระยะยาวอย่างใกล้ชิดของภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ระหว่างไต้หวัน - ยุโรป โดยในอนาคต ไต้หวันจะยังคงยืนหยัดในแนวคิดการสร้างความเจริญรุ่งเรือง จับมือกับประชาคมโลก ส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงระดับสากลอย่างต่อเนื่อง และหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นคณะตัวแทนได้รับประโยชน์จากการเดินทางเยือนไต้หวันในครั้งนี้ เพื่อนำไปปรับใช้พัฒนาการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือแบบทวิภาคีในด้านต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรมในภายภาคหน้าต่อไป
Mr. Kasper Roug รองประธานกลุ่มพันธมิตรไต้หวันในรัฐสภาเดนมาร์ก และหัวหน้าคณะตัวแทน กล่าวว่า พวกเรารู้สึกเกิดความประทับใจต่อไมตรีจิตในการต้อนรับขับสู้ของภาคประชาชนชาวไต้หวันเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งให้การชื่นชมยอมรับต่อชาวไต้หวันที่ยังคงยืนหยัดบนค่านิยมอย่างหนักแน่น แม้จะต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันด้วยกำลังทหารจากจีน นอกจากนี้ Mr. Roug ยังได้ให้การยอมรับต่อผลสัมฤทธิ์ด้านเซมิคอนดักเตอร์ เทคโนโลยีและความทรหดทางประชาธิปไตยของไต้หวัน พร้อมทั้งยินดีที่จะเห็นไต้หวัน – เดนมาร์ก และกลุ่มประเทศทวีปยุโรป ดำเนินความสัมพันธ์ต่อไปในทิศทางเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนจะสวมบทบาทกระตุ้นให้รัฐบาลเดนมาร์ก เฝ้าจับตาต่อสถานการณ์ช่องแคบไต้หวัน ควบคู่ไปกับการสนับสนุนไต้หวันประชาธิปไตยอย่างยั่งยืนสืบไป