กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 1 ธ.ค. 68

นายเฉินหมิงฉี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน ได้ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวรายการข่าวโทรทัศน์ PBS NewsHour ของสหรัฐฯ โดยเน้นย้ำว่า ไต้หวันจะเดินหน้าเสริมสร้างการปกป้องประเทศด้วยการพึ่งพาตนเอง ควบคู่ไปกับการยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพการสกัดกั้นให้เกิดความรัดกุมที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
 
ในระหว่างการเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยความมั่นคงระหว่างประเทศเมืองแฮลิแฟกซ์” (Halifax International Security Forum, HFX) รมช.เฉินฯ กล่าวขณะให้สัมภาษณ์ว่า จีนไม่สามารถคงอยู่ร่วมกับสันติภาพของกลุ่มประชาธิปไตยได้ มีเพียงการกระชับความร่วมมือระหว่างไต้หวันและกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการพัฒนาขีดความสามารถในการปกป้องประเทศด้วยการพึ่งพาตนเอง จึงจะสามารถรับมือกับความท้าทายที่เกิดจากกำลังทหาร ทั้งทางอากาศและทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
 
เพื่อตอบสนองต่อข้อกังขาของสังคมภายนอก ในประเด็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ - จีน และจุดยืนของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ รมช.เฉินฯ ได้แสดงจุดยืนเน้นย้ำว่า การป้องกันประเทศจะไม่ขึ้นอยู่กับคำมั่นสัญญาที่ว่างเปล่า ซึ่งรมช.เฉินฯ จะยังคงยืนหยัดในความสัมพันธ์ทางความมั่นคง ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ อย่างหนักแน่นสืบไป 
 
ต่อกรณีสถานการณ์ความตึงเครียดของความสัมพันธ์จีน – ญี่ปุ่น ที่เกิดจากแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลญี่ปุ่น รมช.เฉินฯ กล่าวว่า จีนช่ำชองในการสร้างความยั่วยุท้าทายและบิดเบือนข้อเท็จจริง จึงสมควรเป็นฝ่ายที่ถูกประณาม พลังเสียงสนับสนุนของพันธมิตรประชาธิปไตยโลก มีความสำคัญต่อไต้หวันเป็นอย่างมาก
 
นอกจากนี้ รมช.เฉินฯ ยังได้ระบุถึงแผนปฏิบัติการด้านสันติภาพในยูเครน ที่ยื่นเสนอโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบในระดับสากล ซึ่งไต้หวันก็อยู่ระหว่างการเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ รมช.เฉินฯ ยังเน้นย้ำว่า วิธีการที่ดีที่สุดคือการสกัดกั้นภัยสงคราม ด้วยประสิทธิภาพการสกัดกั้นที่แข็งแกร่ง