ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
รองปธน.เซียวเหม่ยฉินให้สัมภาษณ์แก่รายการ War Room สื่อสหรัฐฯ
2025-12-03
New Southbound Policy。รองปธน.เซียวเหม่ยฉินให้สัมภาษณ์แก่รายการ War Room สื่อสหรัฐฯ (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
รองปธน.เซียวเหม่ยฉินให้สัมภาษณ์แก่รายการ War Room สื่อสหรัฐฯ (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 2 ธ.ค. 68

เมื่อช่วงที่ผ่านมา รองประธานาธิบดีเซียวเหม่ยฉินได้ให้สัมภาษณ์แก่ Ms. Natalie Winters พิธีกรรายการ War Room และผู้สื่อข่าวที่ประจำการในทำเนียบขาวสหรัฐฯ โดยการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ได้เจาะลึกในประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ , ความสัมพันธ์สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน , การปกป้องประเทศด้วยการพึ่งพาตนเอง , ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ และการลงทุนต่อสหรัฐฯ เป็นต้น โดยบทสัมภาษณ์ได้รับการเผยแพร่ออกสู่อากาศไปเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา ตามเวลาในไต้หวัน
 
รองปธน.เซียวฯ แถลงว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ตั้งอยู่บนค่านิยมด้านเสรีภาพ ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน รวมถึงผลประโยชน์ที่มีร่วมกัน ด้วยเหตุนี้ การธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก และการปกป้องไว้ซึ่งผลประโยชน์ร่วมกันบนพื้นฐานกฏกติกาสากล จึงจะสามารถส่งเสริมให้เสรีภาพการเดินเรือ การค้าและการแลกเปลี่ยนทางภาคประชาสังคม ยังคงสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น หลีกเลี่ยงการได้รับผลกระทบจากแรงกดดันและการข่มขู่ อีกทั้งยังถือได้ว่า มีส่วนเกี่ยวโยงกับผลประโยชน์ร่วมกันของการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองระดับโลก
 
เมื่อกล่าวถึงผลกระทบที่เกิดจากสงครามลูกผสม สงครามไซเบอร์ สงครามข้อมูลและสงครามจิตวิทยา รองปธน.เซียวฯ กล่าวว่า ไต้หวันตั้งอยู่ในที่ตั้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความสลับซับซ้อนที่รุนแรง นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 – 2539 ที่ได้มีการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรงจากภาคประชาชนเป็นต้นมา ภัยคุกคามด้วยกำลังทหารจากจีน ก็ยังคงดำรงอยู่อย่างต่อเนื่อง จีนไม่เคยล้มเลิกการใช้กำลังอาวุธต่อไต้หวันเลย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี จีนมุ่งขยายศักยภาพทางกลาโหมอย่างรวดเร็ว ซึ่งนอกจากจะแผ่ขยายอิทธิพลครอบคลุมไปสู่ไต้หวัน และประเทศรายรอบอย่างญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์และทะเลจีนใต้แล้ว ยังรวมถึงพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก อาทิ จิบูติ ประเทศที่ตั้งอยู่ในทวีปแอฟริกา อีกแง่มุมสำคัญคือสงครามลูกผสม จีนได้อ้างอิงตำราพิชัยสงครามซุนจื่อ (The Art of War by Sunzi) และแนวคิดการบีบให้ยอมจำนนต่อแรงกดดัน โดยไม่ต้องก่อสงคราม ด้วยการประยุกต์ใช้สงครามลูกผสม อย่างสงครามจิตวิทยา , สงครามข่าวสาร , ข่าวปลอม และการโจมตีทางไซเบอร์ เป็นต้น เข้าแทรกแซงระบอบการเมืองของพวกเรา และประยุกต์ใช้วิธีการสร้างแรงกดดันต่างๆ ต่อสังคมไต้หวัน เพื่อต้องการบีบให้ประชาชนยอมจำนน
 
สังคมไต้หวันเป็นหนึ่งในประเทศทั่วโลกที่ถูกโจมตีทางไซเบอร์ที่รุนแรงที่สุด ไม่ว่าจะในระบบบริการการแพทย์ , สถานพยาบาล , โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ และหน่วยงานภาครัฐ ต่างก็ต้องประสบกับการโจมตีในรูปแบบข้างต้น และยังต้องรับมือกับภัยคุกคามที่เกิดจากสงครามจิตวิทยา ซึ่งสงครามลักษณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและความปลอดภัยของภาคประชาชนเป็นอย่างมาก
 
รองปธน.เซียวฯ กล่าวว่า เป้าหมายของสาธารณรัฐประชาชนจีน มีความชัดเจน ในด้านสงครามจิตวิทยา จีนต้องการพิชิตเป้าหมายสำคัญใน 3 มิติหลัก ประกอบด้วย (1) การบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยและรัฐบาลที่ได้รับเลือกจากประชาชน (2) โจมตีกลุ่มบุคคลหรือประเทศที่พวกเขามองว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศ และ (3) สร้างความแตกแยกระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ รวมถึงสร้างความแตกแยกระหว่างไต้หวันและประชาคมโลก ด้วยการประกาศก้องต่อประชาคมโลกว่า สหรัฐฯ เชื่อถือไม่ได้ ไต้หวันไม่มีมิตรประเทศที่คอยให้การสนับสนุน เพื่อลิดรอนพื้นที่บนเวทีนานาชาติของไต้หวัน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐของไต้หวันไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศ หรือเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศได้ ตลอดจนไม่สามารถสร้างคุณูปการต่อกลไกสาธารณสุขโลกได้ ข้อจำกัดเหล่านี้และพฤติกรรมการสร้างความยั่วยุให้เกิดความแตกแยกระหว่างไต้หวันและหุ้นส่วนนานาชาติ ก็เพื่อต้องการบีบให้ไต้หวันยอมจำนน อย่างไรก็ตาม พวกเราจะไม่ยอมแพ้ แต่จะรับมือด้วยความกระตือรือร้น ผ่านการยกระดับทักษะการรู้เท่าทันสื่อให้แก่ภาคประชาชน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการวิเคราะห์แยกแยะข่าวข้อเท็จจริงและข่าวปลอม ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความเชื่อมั่นของภาคประชาชนที่มีต่อระบอบการเมือง , กองกำลังทหารและรัฐบาล ตลอดจนเดินหน้าเสริมสร้างความสัมพันธ์รูปแบบหุ้นส่วนกับสหรัฐฯ ในเชิงลึก เพื่อป้องกันมิให้จีนเข้าแทรกแซงและลิดรอนสิทธิของไต้หวัน
 
สื่อซักถามว่า ภายใต้ภัยคุกคามที่ยังคงดำเนินอยู่ คุณคิดว่าควรจะนิยามคำว่า “ชัยชนะ” ของความสัมพันธ์สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ควบคู่ไปกับการรักษาสันติภาพและความเป็นปกติวิสัยของความสัมพันธ์ โดยที่ไม่ต้องใช้อาวุธ ตามหลักการที่ระบุไว้ใน “สภาพการณ์ท้ายสุดในปี 2575” รองปธน.เซียวฯ ระบุว่า ไต้หวันมุ่งแสวงหาสันติภาพอย่างยั่งยืนเสมอมา จึงไม่เข้าใจเช่นกันว่า เหตุใดต้องกำหนดระยะเวลาไว้ในช่วงปี 2575 เนื่องจากสำหรับไต้หวันแล้ว หัวใจสำคัญอยู่ที่การรักษาสันติภาพที่ยั่งยืนให้คงอยู่ต่อไปในระยะยาว จึงมิได้มีการกำหนดระยะเวลา ในมุมมองของไต้หวัน สันติภาพไม่สามารถสร้างขึ้นบนพื้นฐานการยินยอมโอนอ่อนให้อีกฝ่ายได้เสมอไป เนื่องจากเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคงอยู่ได้อย่างถาวร สันติภาพจำต้องเกิดจากการเคารพซึ่งกันและกัน หากมองในจุดยืนของไต้หวัน พวกเราหวังที่จะสืบสานรูปแบบวิถีชีวิตของพวกเราให้คงอยู่อย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการธำรงรักษาเสรีภาพ ประชาธิปไตยและสิทธิในการกำหนดชะตาชีวิตด้วยตนเองของภาคประชาชนชาวไต้หวัน และได้รับการยอมรับอย่างเท่าเทียมจากนานาประเทศทั่วโลก สันติภาพที่ยั่งยืนของไต้หวันมีส่วนเกี่ยวพันกับรูปแบบการบริหารประเทศของจีนที่เปิดกว้าง และตระหนักทราบว่า การเคารพความสมัครใจของประชาชนชาวไต้หวัน ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการคงอยู่ร่วมกันอย่างสามัคคี
 
รองปธน.เซียวฯ กล่าวว่า สันติภาพที่ยั่งยืนมีส่วนเกี่ยวโยงกับทุกฝ่ายที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน และทุกฝ่ายต้องร่วมเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตาม จีนยังคงยืนหยัดในทัศนคติที่เป็นปฏิปักษ์ต่อลัทธิประชาธิปไตย อันจะเห็นได้จากการที่จีนยังคงสร้างแรงกดดันต่อประชาชนชาวไต้หวันด้วยกำลังทหาร ซึ่งเป็นสาเหตุที่ไม่สามารถบรรลุไปสู่หลักการการเคารพซึ่งกันและกันและสันติภาพที่ยั่งยืนได้ จึงเป็นเหตุผลที่ว่า เหตุใดไต้หวันจึงจำเป็นต้องพัฒนาขีดความสามารถในการปกป้องประเทศด้วยตนเอง ไต้หวันเห็นด้วยกับแนวคิดของประชาชนชาวสหรัฐฯ ที่ว่า “สันติภาพก่อเกิดขึ้นจากศักยภาพ” การเสริมสร้างศักยภาพ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการสกัดกั้นที่มีประสิทธิภาพ
 
ต่อประเด็นความร่วมมือบนพื้นฐานอุตสาหกรรมกลาโหม ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ รองปธน.เซียวฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ เป็นหุ้นส่วนสำคัญทางความร่วมมือของไต้หวันเสมอมา หลายปีมานี้ ไต้หวันได้ติดต่อขอซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์สำคัญจากสหรัฐฯ หลายรายการ แต่เนื่องจากไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างครอบคลุม ไต้หวันจึงจำเป็นต้องแบกรับภาระหน้าที่ในการพัฒนาศักยภาพของตนเอง ควบคู่ไปกับการคว้าโอกาสในการร่วมผลิตกับสหรัฐฯ หลายปีมานี้ ไต้หวันมุ่งมั่นทุ่มเทวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับและหุ่นยนต์อย่างกระตือรือร้น ซึ่งรองปธน.เซียวฯ คิดว่า หากนำข้อได้เปรียบเหล่านี้ ประสานความร่วมมือกับสหรัฐฯ และพันธมิตรประชาธิปไตยโลก ในด้านห่วงโซ่อุปทานความมั่นคงและนวัตกรรม เชื่อว่าจะมีส่วนช่วยเร่งการพัฒนายุทธวิธีสงครามที่ไร้สมมาตร รวมถึงศักยภาพการสกัดกั้นและการป้องกันประเทศของไต้หวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
สำหรับประเด็นการส่งมอบความช่วยเหลือแก่แรงงานและธุรกิจขนาดย่อมของสหรัฐฯ ผ่านระบบห่วงโซ่อุปทาน โอกาสการทำงานและความยืดหยุ่นนั้น รองปธน.เซียวฯ กล่าวว่า ต้องเริ่มพูดถึงตั้งแต่กรณีต้นแบบในรัฐแอริโซนา บริษัท TSMC ผู้ผลิตแผ่นชิปสำคัญรายใหญ่ของไต้หวัน ได้ทุ่มทุนจัดตั้งโรงงานขนาดใหญ่ในรัฐแอริโซนา เพื่อผลิตแผ่นชิปเทคโนโลยีขั้นสูงในสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นโครงสร้างสำคัญอันยิ่งใหญ่ที่มีขนาดเทียบเท่ากับท่าอากาศยาน 1 แห่ง โดยแผ่นชิปเหล่านี้จะถูกนำไปประยุกต์ใช้ในยานยนต์ , อุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐ , iPhone , สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ รวมถึงศูนย์สารสนเทศ AI และอุปกรณ์การประมวลผล เป็นต้น
 
รองปธน.เซียวฯ ระบุว่า ไต้หวันจะป้อนชิ้นส่วนอะไหล่ที่เชื่อถือได้ มีประสิทธิภาพสูง และมีศักยภาพทางการแข่งขัน ซึ่งจะสามารถสร้างคุณูปการต่ออุตสาหกรรมการผลิตและ “การฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรม” ในสหรัฐฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ