ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
รมว.กระทรวงเศรษฐการไต้หวันนำคณะตัวแทนเศรษฐกิจและการค้า เดินทางเยือนเช็กเป็นครั้งที่ 4 เพื่อมุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและการค้า ระหว่างไต้หวัน - เช็ก
2025-12-10
New Southbound Policy。รมว.กระทรวงเศรษฐการไต้หวันนำคณะตัวแทนเศรษฐกิจและการค้า เดินทางเยือนเช็กเป็นครั้งที่ 4 เพื่อมุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและการค้า ระหว่างไต้หวัน - เช็ก (ภาพจากกระทรวงเศรษฐการ)
รมว.กระทรวงเศรษฐการไต้หวันนำคณะตัวแทนเศรษฐกิจและการค้า เดินทางเยือนเช็กเป็นครั้งที่ 4 เพื่อมุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและการค้า ระหว่างไต้หวัน - เช็ก (ภาพจากกระทรวงเศรษฐการ)

กระทรวงเศรษฐการ วันที่ 9 ธ.ค. 68

นายกงหมิงซิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการไต้หวัน (MOEA) นำคณะตัวแทนเดินทางเยือนสาธารณรัฐเช็กในช่วงระหว่างวันที่ 7 – 9 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยในระหว่างนี้ รมว.กงฯ ได้เข้าพบปะกับ Mr. Miloš Vystrčil ประธานวุฒิสภาเช็ก , Mr. Jiří Drahoš รองประธานวุฒิสภา , Mr. Marek Benda ประธานกลุ่มพันธมิตรไต้หวันแห่งสภาผู้แทนราษฎรเช็ก และ Ms. Markéta Pekarová Adamová อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรเช็ก รวมถึงเจ้าหน้าที่กิจการฝ่ายเศรษฐกิจและการค้าระดับสูง เพื่อร่วมอภิปรายในประเด็นสถานการณ์การแลกเปลี่ยนทางอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ระหว่างไต้หวัน – เช็ก รวมถึงแผนแม่บททางความร่วมมือในอนาคต นอกจากนี้ รมว.กงฯ ยังได้เข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อการแลกเปลี่ยนของนักธุรกิจ ระหว่างไต้หวัน - เช็ก เพื่อแสดงปาฐกถาในหัวข้อทิศทางความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าแบบทวิภาคีพร้อมทั้งเข้าเยี่ยมเยือน “ศูนย์ส่งเสริมการค้าและการลงทุนไต้หวันในกรุงปราก” ที่ MOEA จัดตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2567
 
ในระหว่างการประชุมข้างต้นและงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อการแลกเปลี่ยนของนักธุรกิจ ระหว่างไต้หวัน – เช็ก ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา รมว.กงฯ ได้อาศัยโอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อเช็กที่ร่วมสร้าง “วัฏจักรแห่งความดี” อันจะเห็นได้จากการบริจาควัคซีนเพื่อการป้องกันโรคระบาดให้แก่ไต้หวัน ในปี 2564 นอกจากนี้ Mr. Vystrčil และ Ms. Adamová ยังได้ทยอยนำคณะตัวแทนกลุ่มใหญ่เดินทางเยือนไต้หวัน ส่งผลให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า ระหว่างไต้หวัน - เช็ก ได้รับการพัฒนาไปในทิศทางที่เด่นชัด ภายใต้ความมุ่งมั่นพยายามร่วมกันของภาคประชาชน
 
รมว.กงฯ กล่าวว่า เช็กเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ในภูมิภาคยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก มูลค่าการค้าแบบทวิภาคี เมื่อปีที่แล้ว สูงแตะ 2,370 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อัตราการเติบโตต่อปีเพิ่มขึ้นกว่า 94.79% ในแง่มุมด้านการลงทุน ตราบจนปลายเดือนตุลาคม 2568 ผู้ประกอบการไต้หวันเข้าลงทุนสู่ภาคอุตสาหกรรมสารสนเทศในเช็กเป็นหลัก รวมยอดสะสมกว่า 221 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก้าวขึ้นสู่อันดับที่ 8 ของการลงทุนในกลุ่มประเทศทวีปยุโรปของไต้หวัน อีกทั้งไต้หวัน - เช็ก ยังได้เปิดเที่ยวบินตรงระหว่างกัน นับตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ส่วนแง่มุมด้านความร่วมมือของบุคลากร ตราบจนปัจจุบัน มีสถาบันระดับอุดมศึกษาในเช็ก จำนวน 11 แห่ง (ความเชี่ยวชาญ 13 สาขา) ที่ร่วมจับมือกับไต้หวัน และมีนักศึกษาเช็กรวม 85 คนที่ได้รับทุนการศึกษาไต้หวัน เดินทางมาเข้ารับการศึกษาและการฝึกอบรมในไต้หวัน ซึ่งขณะนี้ ไต้หวันได้จัดตั้งกลไกความร่วมมือกับบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในเช็ก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 
รมว.กงฯ เน้นย้ำว่า เพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มโลกที่สำคัญ ไต้หวัน - เช็ก สามารถเจรจาหารือในการประสานความร่วมมือกันใน 5 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ : AI , อากาศยานไร้คนขับและอวกาศ , ยานยนต์อัจฉริยะ , เลเซอร์และกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน การผงาดขึ้นของเทคโนโลยี AI สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานด้านเซมิคอนดักเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ด้านการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ของไต้หวัน อย่าง Foxconn , Wistron และ Inventec ต่างทยอยอัดฉีดเงินลงทุนสู่เช็ก นอกจากนี้ ไต้หวัน – เช็กยังมีโครงการความร่วมมือด้านบุคลากรเซมิคอนดักเตอร์อีกหลายรายการ ประกอบกับความคืบหน้าในการจัดตั้งโรงงานของบริษัท TSMC ในเยอรมนี ที่จะส่งผลให้ไต้หวัน – เช็ก พัฒนาสู่ความร่วมมือทางอุตสาหกรรมในเชิงลึก เมื่อระยะที่ผ่านมา สหภาพยุโรป (EU) ยังได้ประกาศเปิดตัว “โครงการเงินอุดหนุน AI Gigafactory” ซึ่งข้อได้เปรียบของไต้หวัน สามารถช่วยให้เช็กคว้าสิทธิ์จาก EU ในการจัดตั้งศูนย์ประมวลผลข้อมูลได้
 
รมว.กงฯ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์สามารถส่งผลกระทบต่อการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานระดับโลก ในจำนวนนี้ ไต้หวัน - เช็ก มีความเชี่ยวชาญที่สามารถเกื้อหนุนกันในด้านการผลิต โดยเช็กมีข้อได้เปรียบด้านยานยนต์และมาตรวัด ส่วนไต้หวันมีความโดดเด่นในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งทั้งสองฝ่ายสามารถจับมือกันรุกขยายสู่ตลาดยานยนต์อัจฉริยะ เลเซอร์และกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน
 
เพื่อพิชิตเป้าหมาย “การวางรากฐานในไต้หวัน แผ่ขยายไปสู่ทั่วโลก” ที่ประกาศโดยประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน เมื่อปลายปีที่แล้ว MOEA ได้เปิดป้าย “ศูนย์ส่งเสริมการค้าและการลงทุนไต้หวัน” ณ กรุงปราก ซึ่งจวบจนปัจจุบัน ได้ให้บริการแก่โครงการธุรกิจ รวม 13 กรณีและธุรกิจเทคโนโลยีทันสมัย รวม 23 ราย ซึ่งอุตสาหกรรมส่วนมากที่ให้บริการ ได้แก่ : เซมิคอนดักเตอร์ , แบตเตอรี , เคเบิล , อากาศยานไร้คนขับและอุตสาหกรรมอวกาศ AI