กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ วันที่ 10 ธ.ค. 68
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา ไต้หวันได้ประกาศรายงานแห่งชาติ ฉบับที่ 3 ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ (CRPD) นำเสนอให้เห็นผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมภายใต้อนุสัญญา CRPD ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2563 – 2567 ซึ่งคาดว่าจะจัดการประชุมนานาชาติเพื่อตรวจสอบรายงานแห่งชาติขึ้นในปี 2569 เพื่อแสดงให้เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของไต้หวันในการผลักดันการเข้าร่วมกิจการที่เกี่ยวข้องด้านสิทธิมนุษยชน
รายงานแห่งชาติฉบับดังกล่าวได้ย้อนพิจารณาความคิดเห็นและข้อชี้แนะ รวม 118 รายการที่ได้จากการประชุมเพื่อการตรวจสอบ ครั้งที่ 2 รวมถึงแผนปฏิบัติการด้วยแนวทางที่เป็นรูปธรรม จำนวน 472 รายการ ตามเป้าหมายระยะสั้น - กลาง - ยาว โดยคณะทำงานส่งเสริมสิทธิคนพิการ ภายใต้สภาบริหาร ได้ย้อนพิจารณาทบทวนภารกิจล่าสุดทุกๆ ครึ่งปี และประกาศแจ้งต่อสาธารณชนให้ร่วมรับทราบ ตลอดจนส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนร่วมพิจารณาและเฝ้าจับตา จวบจนปัจจุบัน ได้มีการพิชิตเป้าหมายรวมแล้วกว่า 375 รายการ ส่วนเป้าหมายระยะกลางและระยะยาว จะได้รับการดำเนินการอย่างต่อเนื่องโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ในรายงานแห่งชาติฉบับที่ 3 ภายใต้อนุสัญญา CRPD สามารถมองเห็นผลสัมฤทธิ์ที่ผ่านการปรับปรุงแก้ไขหลายรายการ ซึ่งข้อกฎระเบียบหลายรายการได้รับการบรรจุเข้าสู่กรอบหลักเกณฑ์ที่เหมาะสม พร้อมทั้งได้มีการทยอยประกาศ “หลักการแนวทางการปรับปรุงแก้ไขในทิศทางที่เหมาะสม ที่ร่วมกำหนดโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” , “คู่มือชี้แนะการประกอบอาชีพของกลุ่มผู้พิการ” รวมถึง “แนวทางอ้างอิงสำหรับการปรับเปลี่ยนที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้สมัครที่มีความบกพร่องทางร่างกาย” เป็นต้น เพื่อสร้างหลักประกันแก่กลุ่มผู้พิการในด้านต่างๆ อย่างกระตือรือร้น นอกจากนี้ ในปี 2565 ยังได้มีการตีพิมพ์ “คู่มืออ้างอิงฉบับคัดย่อในไต้หวัน” เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มเป้าหมายได้รับข้อมูลอย่างเท่าเทียม ในด้านต่างๆ ที่ครอบคลุม อาทิ การป้องกันสาธารณภัย , การศึกษา , การประกอบอาชีพ , การแพทย์ , หลักประกันทางการเงิน และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เป็นต้น นอกจากนี้ ในปี 2567 ยังได้ริเริ่มจัดตั้งกลไกการบริการล่ามภาษามือผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยผนึกกำลังระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ในการช่วยแก้ปัญหาความต้องการในการสนทนารูปแบบวิถีชีวิตประจำวันผ่านโทรศัพท์ สำหรับผู้พิการทางการได้ยินและผู้ที่มีความบกพร่องในการเข้าใจและการใช้ภาษา
เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มเป้าหมายสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ รัฐบาลจึงมุ่งดำเนินการผลักดันสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อกลุ่มคนพิการอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการจัดสรรทรัพยากรการบริการดูแลกลุ่มเป้าหมายในระยะยาว และการสนับสนุนครอบครัว ในจำนวนนี้ อัตราความครอบคลุมด้านการบริการ อาทิเช่น การดูแลในครัวเรือน , การจัดระเบียบชีวิต , การพำนักอาศัยในเคหสถาน , การดูแลกลุ่มเป้าหมายในช่วงกลางวัน , การฝากดูแลและการสนับสนุนการดำรงชีวิตอิสระ เป็นต้น เติบโตขึ้นสู่ร้อยละ 56.29% ในปี 2567 จากเดิม 39.28% ในปี 2563 ส่วนฐานให้บริการผู้ดูแลกลุ่มคนพิการ มีจำนวนเพิ่มขึ้น 48 แห่งในปี 2567 จากเดิม 31 แห่งในปี 2563
MOHW แถลงว่า เพื่อรวบรวมความคิดเห็นของกลุ่มผู้พิการในพื้นที่และองค์การเอกชน รายงานแห่งชาติฉบับนี้จึงได้จัดการประชุมทั่วทุกพื้นที่ในไต้หวัน รวม 11 รอบ ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้และภาคตะวันออก เนื่องด้วยการเปิดเสวนาของภาครัฐและภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการประสานความร่วมมืออย่างแนบแน่น ส่งผลให้สภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อกลุ่มคนพิการ นับวันยิ่งมีความสมบูรณ์เพิ่มขึ้น อันเป็นการสร้างหลักประกันที่ครอบคลุมให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ในการเข้ามีส่วนร่วมในสังคมอย่างเท่าเทียม