New Southbound Policy Portal

ดร.จางจงโหมวรายงานผลสำเร็จของการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค 2018

การประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคประจำปี 2018 ที่กรุงพอร์ตมอร์สบี ของประเทศปาปัวนิวกินีได้ปิดฉากลงแล้วเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งดร.จางจงโหมว ตัวแทนของผู้นำไต้หวันที่เดินทาไปเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ได้จัดงานแถลงข่าวผลการเดินทางไปร่วมงานในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน เพื่อรายงานผลสำเร็จของการเดินทางครั้งนี้ ต่อสาธารณชน สำนักข่าว CNA วันที่ 18 พ.ย. 61

การประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคประจำปี 2018 ที่กรุงพอร์ตมอร์สบี ของประเทศปาปัวนิวกินีได้ปิดฉากลงแล้วเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งดร.จางจงโหมว ตัวแทนของผู้นำไต้หวันที่เดินทาไปเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ได้จัดงานแถลงข่าวผลการเดินทางไปร่วมงานในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน เพื่อรายงานผลสำเร็จของการเดินทางครั้งนี้ ต่อสาธารณชน สำนักข่าว CNA วันที่ 18 พ.ย. 61

ดร.จางจงโหมวรายงานผลสำเร็จของการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค 2018

CNA วันที่ 18 พ.ย. 61

การประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคประจำปี 2018 ได้ปิดฉากลงเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมาก ดร.จางจงโหมว ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้นำไต้หวันไปเข้าร่วมงานเป็นครั้งที่ 2 ได้จัดงานแถลงข่าวเพื่อรายงานผลสำเร็จของการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ ตามที่ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดีไช่อิงเหวินแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ว่า ได้บรรลุผลสำเร็จทุกประการ ส่วนสำหรับประเด็นที่ว่า ตนยังยินดีจะเป็นตัวแทนไปเข้าร่วมงานในปีหน้าอีกหรือไม่นั้น ดร.จางกล่าวแต่เพียงว่า “เรื่องของปีหน้า ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่”

 

สำหรับความรู้สึกในการเข้าการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคในปีนี้ ดร.จางจงโหมวได้ยกภาษิตที่สื่อมวลชนไต้หวันใช้ในการเปรียบเทียบการเดินทางของตนเป็นเหมือน “ม้าดีแม้จะแก่ แต่ยังอยากวิ่งทางไกล” โดยชี้ว่า เมื่อ 12 ปีก่อน ตนยังเป็นม้าที่ไม่ค่อยจะแก่ แต่ 12 ปีให้หลัง มีอะไรเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับสภาพแวดล้อมภายนอกเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ความรู้สึกจะไม่เหมือนกัน

 

สำหรับประเด็นที่สื่อมวลชนถามว่า ปีหน้ายังยินดีจะเป็นตัวแทนของผู้นำไต้หวันไปเข้าร่วมการประชุมอีกหรือไม่นั้น ดร.จางกล่าวแต่เพียงว่า “เรื่องของปีหน้า ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่”

 

ทั้งนี้ ดร.จางจงโหมวได้ปลดเกษียณจากการทำงานให้กับ TSMC เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่ชีวิตหลังเกษียณของดร.จาง ก็ไม่ได้มีเวลาว่างเลย นอกจากจะเขียนชีวประวัติของตัวเองเล่ม 2 แล้ว ยังได้ไปเข้าร่วมการแข่งขันไพ่บริดจ์ ซึ่งทำผลงานได้ดีทีเดียว และได้เข้าร่วมการประชุมกับหอการค้ายุโรป เป็นผู้บรรยายในงานสัมมนาของ The Third Wednesday Club และงาน SEMICON Taiwan เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการทำงานของตน

 

โดยดร.จางจงโหมวได้รับการยกย่องให้เป็น “บิดาแห่งเซมิคอนดัคเตอร์” ถือเป็นนักธุรกิจไต้หวันที่มีชื่อเสียงในระดับโลก โดยในปี 2006 ซึ่งไต้หวันอยู่ในยุคของประธานาธิบดีเฉินสุยเปี่ยน อันเป็นช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน-จีนไม่ราบรื่นนัก ดร.จางได้รับการทาบทามให้เป็นตัวแทนของผู้นำไต้หวันไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคนั้น ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐฯ ได้กล่าวทักทายดร.จางว่า “ผมรู้ว่าท่านคือใคร” ซึ่งในระหว่างการประชุม ทั้งสองฝ่ายมีการสนทนาต่อกันอีกหลายครั้งเลยทีเดียว

 

และในช่วงนั้น ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบอยู่ในภาวะที่ไม่ค่อยจะดีนัก แต่ดร.จางจงโหมวกับประธานาธิบดีหูจิ่นเทาก็มีปฏิสัมพันธ์ที่ “อบอุ่น เป็นมิตร และมีพัฒนาการที่ดี” ระหว่างกันด้วย

 

โดยในครั้งนั้น ดร.จางจงโหมว ได้แสดงความคิดเห็นผ่านประสบการณ์ทำงานของตน ซึ่งมีเอกลักษณ์และแตกต่างจากผู้นำรายอื่นๆ ที่ไปเข้าร่วมการประชุมเป็นอย่างมาก จนได้รับความสนใจในวงกว้างและมีสื่อมวลชนจำนวนไม่น้อยมาติดต่อขอทำการสัมภาษณ์ ในขณะที่ภริยาคือ คุณจางสูเฟิน ก็มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเหล่าภริยาของผู้นำหลายประเทศ และใช้กระดาษซับมันเพียง 1 ใบก็สามารถดึงดูดความสนใจจากนางลอรา บุช สตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐฯ ได้สำเร็จ ทำให้ทั้งสองมีการสนทนาอย่างกันอย่างใกล้ชิด จนได้รับการยกย่องให้เป็นความสำเร็จของการทูตระหว่างสตรีหมายเลข 1 เลยทีเดียว

 

ในปีนี้ ดร.จางจงโหมว ได้เป็นตัวแทนของผู้นำไต้หวันไปเข้าร่วมการประชุมเอเปคเป็นครั้งที่ 2 จึงได้รับความคาดหมายจากหลายๆ ฝ่ายเป็นอย่างมาก และต่างก็เห็นพ้องว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ซึ่งดร.จางก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไปเข้าร่วมอย่างเต็มที่ เพื่อนำสารจากประธานาธิบดีไช่อิงเหวินไปสู่เหล่าผู้นำจากประเทศต่างๆ และอาศัยโอกาสนี้ในการทำให้ทั่วโลกได้รับรู้ถึงความพยายามในด้านต่างๆ ของไต้หวัน เพื่อสร้างโอกาสในการสร้างความร่วมมือระหว่างไต้หวันกับนานาชาติ

 

ในการเดินทางครั้งนี้ ดร.จางจงโหมวมีปฏิสัมพันธ์อย่างเป็นธรรมชาติกับเหล่าผู้นำจาก 10 กว่าประเทศ มีการพบปะเจรจาแบบทวิภาคีกับรองประธานาธิบดีเพนซ์ จากสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีอาเบะ ชินโซ แห่งญี่ปุ่น และมีปฏิสัมพันธ์ “ที่ดีและเป็นมิตร” กับประธานาธิบดีสีจิ้นผิง แห่งประเทศจีน โดยในงานแถลงข่าวรายงานผลการเดินทางนั้น ดร.จางเห็นว่า ตนสามารถปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดีไช่อิงเหวินได้อย่างสำเร็จลุล่วงแล้วทั้งหมด