New Southbound Policy Portal

ปธน.ไช่ฯ คาดหวังร่วมมือกับสหรัฐฯ ผลักดันอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไต้หวัน เข้าเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานโลก (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
สำนักข่าว CNA วันที่ 6 พ.ค. 62
เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ประธานาธิบดี ไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ คณะตัวแทนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของสมาคมการค้าไต้หวัน – สหรัฐฯ (U.S.-Taiwan Business Council , USTBC) พร้อมกล่าวว่า ไต้หวันมีบุคลากรที่มีคุณภาพเป็นเลิศและพื้นฐานอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง คาดหวังเป็นอย่างยิ่ง ที่จะสร้างความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในอนาคต เพื่อร่วมผลักดันอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไต้หวัน เข้าเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานโลกและ ก้าวไปสู่ตลาดสากล
เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ปธน.ไช่ฯ ให้การต้อนรับ คณะตัวแทนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของสมาคมการค้าไต้หวัน – สหรัฐฯ (USTBC) โดยได้กล่าวปราศรัยว่า ยินดีต้อนรับ Mr. Rupert Hammond-Chambersนายกสมาคม USTBC ที่ได้เดินทางมาเยือนไต้หวันอีกครั้ง ซึ่งนี่เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน ที่สมาคม USTBCเดินทางเยือนไต้หวัน การที่ทั้งสองฝ่ายพบปะกันบ่อยๆ แสดงให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ มีความแน่นแฟ้นเป็นอย่างยิ่ง คณะตัวแทนล้วนเป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ดังนั้นเชื่อว่าทุกท่านคงจะมองเห็นและสัมผัสได้ถึง ความยืนหยัดแน่วแน่และความพยายามของไต้หวัน ที่จะยกระดับศักยภาพในการป้องกันประเทศด้วยการพึ่งพาตนเอง ตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ปธน.ไช่ฯ เน้นย้ำว่า “ไม่ยอมจำนนต่อภัยคุกคาม และไม่บุ่มบ่ามเมื่อได้รับการสนับสนุน” นี่เป็นกุศโลบายทางการเมืองสองฝั่งช่องแคบของปธน.ไช่ฯ ที่มีมาโดยตลอด ซึ่งปธน.ไช่ฯ เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไต้หวันทำหน้าที่เป็นผู้สร้างสันติภาพให้เกิดในภูมิภาค ไม่ใช่ผู้สร้างปัญหา ซึ่งนี่เป็นข้อเท็จจริงที่เห็นพ้องต้องกันในประชาคมโลก ปธน.ไช่ฯ ยืนยันว่า การรักษาและคงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค เป็นหน้าที่ร่วมกันของทุกประเทศในภูมิภาค มิใช่เป็นหน้าที่ของไต้หวันแต่เพียงผู้เดียว
ปธน.ไช่ฯ กล่าวอีกว่า ช่วงระยะที่ผ่านนี้ จีนใช้วิธีคุกคามด้านการทูต การข่มขู่ทางทหารและการแผ่ขยายอิทธิพลทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อไต้หวัน ซึ่งนอกจากไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวันแล้ว ยังเป็นการทำลายเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวันในปัจจุบัน และทำให้ประเทศเพื่อนบ้านวิตกกังวลไปด้วย
ปธนไช่ฯ ชี้ว่า เพื่อคงไว้ซึ่งสันติภาพของช่องแคบไต้หวันและภูมิภาค ไต้หวันไม่เพียงแต่จะเร่งเสริมสร้างศักยภาพในการป้องกันประเทศ ยังจะเร่งผลักดันนโยบาย “การผลิตเครื่องบินรบเอง” และ “การผลิตเรือรบเอง” เพื่อเสริมสร้างการป้องกันประเทศด้วยการพึ่งพาตนเอง
พร้อมกันนี้ยังย้ำว่า รัฐบาลจะใช้โอกาส “การประชุมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศประจำปี” (The US-Taiwan Defense Industry Conference) ของสมาคม USTBC เป็นแพลตฟอร์ม ในการเสวนาแลกเปลี่ยนระหว่างภาคอุตสาหกรรมและสถาบันภาคการศึกษาเป็นหลัก และการแลกเปลี่ยนของหน่วยงานภาครัฐเป็นตัวเสริม ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันแลกเปลี่ยน ในประเด็นความร่วมมือภาคอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และการถ่ายทอดเทคโนโลยีในเชิงลึก
ปธน.ไช่ฯ กล่าวปิดท้ายว่า ไต้หวันมีบุคลากรที่มีคุณภาพเป็นเลิศและพื้นฐานอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง คาดหวังเป็นอย่างยิ่ง ที่จะสร้างความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในอนาคต เพื่อร่วมผลักดันอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไต้หวัน เข้าเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานโลกและก้าวไปสู่ตลาดสากล