New Southbound Policy Portal
เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ปธน.ไช่อิงเหวินแสดงปาฐกถาในงานฉลองวันชาติสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ที่จัดขึ้น ณ กรุงไทเป (ทำเนียบปธน.ไต้หวัน วันที่ 10 ต.ค. 62)
ทำเนียบปธน.ไต้หวัน วันที่ 10 ต.ค. 62
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 ต.ค. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน แห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วม “งานฉลองวันชาติสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ประจำปี 2019” พร้อมขึ้นแสดงปาฐกถาในหัวข้อ “ประเทศที่แข็งแกร่งยืดหยุ่น ก้าวไกลสู่สากล”
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ในช่วงขวบปีที่ผ่านมา โลกของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว สงครามการค้าจีน – สหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไป ในขณะที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกงของสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ตั้งอยู่ห่างจากเราไปไม่มาก ได้เกิดความโกลาหลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เนื่องด้วยความล้มเหลวของระบบ “1 ประเทศ 2 ระบบ” ซึ่งแม้จะเป็นเช่นนั้น หากแต่จีนก็ยังคงยึดมั่นในหลักการ “1 ประเทศ 2 ระบบ สำหรับไต้หวัน” มาใช้ข่มขู่ไต้หวันอย่างต่อเนื่อง ทั้งทางข้อมูลข่าวสารและกำลังทหาร ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ท้าทายต่อสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคเป็นอย่างมาก การปฏิเสธ “หลักการ 1 ประเทศ 2 ระบบ” เป็นฉันทามติของประชาชนชาวไต้หวัน 23 ล้านคน โดยไม่มีการแบ่งแยกฝักฝ่ายและจุดยืนต่างๆ ในสังคมไต้หวัน
ปธน.ไช่ฯ ระบุว่า ปัจจุบัน สาธารณรัฐจีนได้ตั้งอยู่ในไต้หวันมาเป็นเวลากว่า 70 ปีแล้ว ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่ยอมรับในหลักการ “1 ประเทศ 2 ระบบ” ไต้หวันจะไม่มีพื้นที่ในการคงอยู่ต่อไป ในฐานะที่ตนเป็นประธานาธิบดี การออกมาปกป้องอธิปไตยของประเทศ ไม่ใช่เพื่อยั่วยุฝ่ายใด หากแต่เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบพื้นฐานที่พึงมีเท่านั้น
ปธน.ไช่ฯ ยังเผยว่า พวกเราเคยก้าวผ่านวิกฤตต่างๆ ด้วยกันมามากมาย อาทิ วิกฤตน้ำมัน เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรง เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ปี 1999 การระบาดของโรคซาร์ส (SARS) และพายุไต้ฝุ่นมรกต วิกฤตการณ์ที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือโรคระบาดต่างๆ ก็ไม่อาจทำลายความสมานฉันท์ในการคงอยู่และร่วมกันต่อสู้ของชาวไต้หวันได้ บ้านเรือนเสียหาย พวกเราสร้างขึ้นใหม่ ผืนดินได้รับผลกระทบอย่างหนัก พวกเราฟื้นฟูสภาพดินใหม่ หลังจากปาดน้ำตา พวกเราจะลุกขึ้นยืนได้ใหม่อยู่เสมอ เพราะพรุ่งนี้จะเป็นวันที่เปี่ยมไปด้วยความหวังอีกครั้ง
ปธนไช่ฯ ยังย้ำอีกว่า ความทรงจำที่มีร่วมกันเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นทางจิตใจของประชาชนชาวไต้หวัน เพราะมีคุณสมบัติดังกล่าว จึงทำให้ไต้หวันได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสี่เสือเศรษฐกิจแห่งเอเชีย และเนื่องด้วยคุณสมบัตินี้ ทำให้พวกเราก้าวผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากบนเส้นทางแห่งประชาธิปไตย จนได้รับการขนานนามว่า เป็นต้นแบบของประชาธิปไตยที่มีความสำคัญของโลก
ปธน.ไช่ฯ เผยถึงความคาดหวังในอนาคตว่า หนทางข้างหน้ามีอุปสรรคมากมาย รอให้พวกเราเผชิญหน้าและแก้ปัญหา พวกเรามองเห็นว่าประเทศจีนกำลังผงาดขึ้นเป็นประเทศมหาอำนาจ และแผ่ขยายอิทธิพลไปสู่ประเทศต่างๆ โดยใช้ระบอบเผด็จการ ที่ผนวกรวมกับแนวคิดแบบชาตินิยมและอำนาจทางเศรษฐกิจ เพื่อท้าทายแนวคิดแบบเสรีภาพประชาธิปไตยและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของโลก เนื่องด้วยเหตุนี้ ไต้หวันในฐานะที่เป็นหนึ่งในประเทศแนวหน้าของยุทธศาสตร์อินโด – แปซิฟิก จึงถือเป็นด่านแรกที่มีหน้าที่ปกป้องคุณค่าแห่งประชาธิปไตยให้คงอยู่สืบไป
ในช่วงท้าย ปธน.ไช่ฯ ย้ำว่า ไต้หวันมีแนวทางแห่งอนาคตที่ชัดเจน และมีเป้าหมายที่ชัดแจ้ง 3 ประการ ได้แก่
ประการแรก ส่งเสริมให้ประชาชนทุกคนสมัครสมานสามัคคี ภายใต้ร่มธงแห่งประชาธิปไตยและเสรีภาพ ในการร่วมกันปกป้องอธิปไตยของประเทศ
ประการที่สอง เร่งส่งเสริมให้ไต้หวันเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น โดยการเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี อันจะส่งผลให้ประเทศชาติมีความแข็งแกร่ง
ประการที่สาม ก้าวสู่นานาชาติอย่างเต็มกำลัง มุ่งมั่นฝ่าฝันอุปสรรค เพื่อให้ไต้หวันก้าวสู่เวทีสากลได้อย่างเต็มภาคภูมิ เปี่ยมด้วยความกล้าหาญและเชื่อมั่น