New Southbound Policy Portal

สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด – 19 ล่าสุดในไต้หวัน

ชาวไต้หวันจำนวน 231 คนที่ติดค้างอยู่ในมณฑลหูเป่ย ได้เดินทางกลับมาจากท่าอากาศยานนานาชาติผู่ตง นครเซี่ยงไฮ้ ด้วยเครื่องบินโดยสารแบบเช่าเหมาลำเที่ยวพิเศษ เมื่อค่ำวันที่ 20 เม.ย. หลังจากผ่านการตรวจคัดกรองและเก็บตัวอย่างที่ท่าอากาศยานนานาชาติเถาหยวนแล้ว เมื่อรุ่งเช้าของวันที่ 21 เม.ย.ได้ถูกนำตัวไปส่งยังสถานกักกันโรคในเขตภาคเหนือ (ภาพจาก CNA)

ชาวไต้หวันจำนวน 231 คนที่ติดค้างอยู่ในมณฑลหูเป่ย ได้เดินทางกลับมาจากท่าอากาศยานนานาชาติผู่ตง นครเซี่ยงไฮ้ ด้วยเครื่องบินโดยสารแบบเช่าเหมาลำเที่ยวพิเศษ เมื่อค่ำวันที่ 20 เม.ย. หลังจากผ่านการตรวจคัดกรองและเก็บตัวอย่างที่ท่าอากาศยานนานาชาติเถาหยวนแล้ว เมื่อรุ่งเช้าของวันที่ 21 เม.ย.ได้ถูกนำตัวไปส่งยังสถานกักกันโรคในเขตภาคเหนือ (ภาพจาก CNA)

CECC วันที่ 20 เม.ย. 63

 

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาด (Central Epidemic Command Center, CECC) แถลงว่า ณ วันที่ 19 เม.ย. ในไต้หวันมีผู้ที่มีอาการเข้าข่ายสงสัยที่ได้รับรายงานเพิ่มขึ้น 628 คน (ในจำนวนนี้ไม่รวมทหารในกองเรือรบตุนมู่และผู้ที่มีประวัติสัมผัสกับทหารเหล่านี้) ตราบจนปัจจุบันมียอดสะสมรวม 53,632 คน (จำนวนนี้รวมผู้ที่ได้รับการยืนยันภายหลังว่า ไม่ได้ติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 ทั้งสิ้น 51,219 คน) โดยผู้ป่วยยืนยันมีจำนวน 422 คน ซึ่งจากจำนวนทั้งหมดนี้ มี 343 รายเป็นผู้ป่วยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ 55 รายเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ ส่วนอีก 24 รายเป็นนายทหารในกองเรือรบตุนมู่ ทั้งนี้ ในจำนวนผู้ป่วยยืนยันทั้งหมด มีผู้เสียชีวิตแล้ว 6 ราย มี 203 รายที่ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ ส่วนผู้ป่วยที่เหลือยังอยู่ในระหว่างการกักตัวที่โรงพยาบาล


 

เมื่อวันที่ 18 เม.ย. CECC แถลงว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพ่รระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ในภูมิภาคอาเซียนยังคงทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทางการไต้หวันได้ประกาศว่า นับตั้งแต่เวลา 0.00 นาฬิกาของวันที่ 21 เม.ย. เป็นต้นไป ผู้ที่มีประวัติการเดินทางไปยังประเทศในแถบอาเซียน ภายในเวลา 14 วันก่อนหน้าที่จะเดินทางมาไต้หวัน (หรือนับตั้งแต่เวลา 0.00 นาฬิกาของวันที่ 7 เม.ย.เป็นต้นไป) นอกจากจะต้องกรอก “แบบประเมินสุขภาพและหนังสือแจ้งเตือนการถูกกักตัวในบ้าน” แล้ว ยังต้องยื่นแสดงหลักฐานที่สอดคล้องกับเงื่อนไขการกักตัวอยู่บ้านเพื่อเฝ้าสังเกตอาการ ทั้งนี้ เพื่อสร้างหลักประกันด้านความปลอดภัยในการป้องกันโรคระบาดในไต้หวัน


 

โดย CECC ระบุเพิ่มเติมว่า หากสมาชิกครอบครัวที่พักอาศัยอยู่ด้วยกัน มีผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป เด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ขวบ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง อาทิ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคปอดอักเสบ รวมถึงผู้ที่ไม่มีห้องนอนส่วนตัวซึ่งมีห้องน้ำในตัว ควรเข้าพักในโรงแรมที่ทางการจัดเตรียมไว้ให้ หลังจากที่เดินทางเข้าสู่ไต้หวันแล้ว หากตรวจสอบพบภายหลังว่าข้อมูลไม่ตรงกับความเป็นจริง จะถูกลงโทษปรับสูงสุดถึง 150,000 เหรียญไต้หวัน


 

สำหรับชาวไต้หวันจำนวน 231 คนที่ติดค้างอยู่ในมณฑลหูเป่ย ได้เดินทางกลับมาจากท่าอากาศยานนานาชาติผู่ตง นครเซี่ยงไฮ้ ด้วยเครื่องบินโดยสารแบบเช่าเหมาลำเที่ยวพิเศษ เมื่อค่ำวันที่ 20 เม.ย. ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้ใหญ่ 1 คน และเด็ก 1 คน มีอาการผิดปกติทางระบบทางเดินหายใจ ซึ่งผู้ปกครองและเด็กรวม 3 คน ได้ถูกแยกตัวและส่งไปยังสถานกักกันโรคต่างหากในภายหลัง ส่วนผู้โดยสารที่เหลือได้ถูกนำตัวไปส่งยังสถานกักกันโรคโดยรถทัวร์ที่ทางการจัดเตรียมไว้ เพื่อกักตัวเฝ้าระวังอาการเป็นเวลา14 วัน