New Southbound Policy Portal

นักธุรกิจไต้หวันและชาวจีนโพ้นทะเลในไทย บริจาคเงินสำหรับโครงการปรับปรุงห้องผ่าตัดระบบความดันลบ แก่โรงพยาบาลตำรวจของไทย

TECO วันที่ 9 มิ.ย. 63

 

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 มิ.ย. เจ้าหน้าที่คณะกรรมการประสานสถานการณ์ไวรัสโควิด - 19 ไทย – ไต้หวัน (คณะกรรมการฯ) ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อบริจาคเงินสำหรับโครงการปรับปรุงห้องผ่าตัดระบบความดันลบ โดยมีนางหลินเหอเพ่ยเจวียน นายกสมาคมไต้หวันแห่งประเทศไทย นายหลิวซู่เทียน นายกกิตติมศักดิ์ของสมาคมการค้าไทย-ไต้หวัน และนางกัวซิวหมิ่น นายกสมาคมการค้าไทย – ไต้หวัน คนปัจจุบัน เข้าร่วมเป็นตัวแทนในการมอบเงินบริจาค โดยมีพล.ต.อ. มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ นายแพทย์ (สบ8) โรงพยาบาลตำรวจ และพล.ต.ต.ธนา ธุระเจน รองนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ และตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์ เป็นผู้แทนรับมอบในครั้งนี้ นอกจากนี้ ยังมีนายสือปั๋วซื่อ รองผู้แทนรัฐบาลไต้หวันประจำประเทศไทย พร้อมด้วยนายเกาเจียฟู่ หัวหน้าฝ่ายกิจการชาวจีนโพ้นทะเลของสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย (TECO) เข้าร่วมเป็นสักขีพยานด้วย


 

ในครั้งนี้ คณะกรรมการฯ ได้บริจาคเงินสำหรับโครงการปรับปรุงห้องผ่าตัดระบบความดันลบให้กับรพ. ตำรวจ โดยขณะนี้ ทางรพ. มีห้องผ่าตัด รวมทั้งหมด 8 ห้อง แต่ไม่มีห้องผ่าตัดระบบความดันลบ ไว้รองรับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโควิด - 19 ด้วยเหตุนี้ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด – 19) ผู้ป่วยยืนยันที่เข้ารับการรักษาใน รพ.ตำรวจ เมื่อต้องเข้ารับการผ่าตัด ห้องผ่าตัดทั้งหมดในชั้นเดียวกันนั้นจำเป็นต้องระงับการให้บริการ 24 ชั่วโมง หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้นลง ก็ยังต้องระงับการดำเนินการของห้องผ่าตัดนั้นๆ อีก 24 ชั่วโมง จึงจะสามารถเปิดให้บริการอีกครั้งได้ ภายใต้บริบทที่ขาดแคลนห้องผ่าตัดระบบความดันลบเช่นนี้ นับว่าเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยอื่นๆ ในสถานพยาบาลอีกด้วย


 

เพื่อให้ความช่วยเหลือในโครงการดังกล่าว ยกระดับศักยภาพการป้องกันโรคระบาดในสถานพยาบาลและเสริมสร้างประสิทธิภาพในการใช้ห้องผ่าตัด คณะกรรมการฯ จึงมีความประสงค์ที่จะบริจาคเงินเพื่อใช้ในการจัดตั้งห้องผ่าตัดระบบความดับลบให้กับรพ. โดยในขณะที่ห้องผ่าตัดระบบความดันลบอยู่ในระหว่างปฏิบัติการนั้น ห้องผ่าตัดทั่วไปอีก 7 ห้องที่เหลือ ไม่จำเป็นต้องระงับการให้บริการ สามารถเปิดให้บริการตามปกติได้อย่างไร้กังวล อีกทั้งยังสามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ด้วย นายหวังซิงอี้ นายกสมาคมนักธุรกิจจีนโพ้นทะเลแห่งประเทศไทย (Federation of Oversea Chinese Traders Alumni of Thailand, FOCTAT) กล่าวว่า หลังจากการผ่าตัดในห้องผ่าตัดระบบความดันลบเสร็จสิ้นลง เพียงทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรค 1 ชั่วโมง ก็สามารถใช้งานต่อได้ทันที การบริจาคเงินเพื่อปรับปรุงห้องผ่าตัดระบบความดันลบเพียงห้องเดียว เท่ากับทำให้ห้องผ่าตัดทั่วไปทั้ง 7 ห้อง กลับมาให้บริการได้ตามปกติ ซึ่งถือเป็นการยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการทางการแพทย์ของสถาบันการแพทย์ ตลอดจนลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดภายในสถานพยาบาล นับว่าเป็นกิจกรรมการกุศลที่ช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ได้อย่างแท้จริง


 

นางกัวฯ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ทางคณะกรรมการฯ ได้เดินทางมาบริจาคเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ต่างๆ ให้กับทางรพ. ตำรวจแล้วระลอกหนึ่ง ซึ่งสิ่งของบริจาคในครั้งนั้น ประกอบด้วย ชุดป้องกันส่วนบุคคลทุกรูปแบบ จำนวน 4,750 ชุด ถุงคลุมรองเท้า จำนวน 2,250 คู่ หมวกคลุมผมทางการแพทย์ จำนวน 2,500 ชิ้น และหน้ากากใสป้องกันใบหน้าอีกจำนวน 400 ชิ้น เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะของเกราะการป้องกันโรคระบาดในอีกขั้น ลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดภายในสถานพยาบาล ตลอดจนสร้างหลักประกันด้านสุขภาพให้กับบุคลากรทางการแพทย์ คณะกรรมการฯ จึงได้มอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับรพ. ตำรวจ เพื่อทำการปรับปรุงห้องผ่าตัด 1 ห้องในครั้งนี้


 

พล.ต.อ. มนู เมฆหมอก ได้กล่าวแสดงความขอบคุณสำหรับโครงการในครั้งนี้ของคณะกรรมการฯ พร้อมกล่าวว่า ตนสัมผัสได้ถึงน้ำใจในการให้ความช่วยเหลือของชาวไต้หวันอย่างลึกซึ้ง คาดหวังที่จะรักษามิตรภาพและความร่วมมือในการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันระหว่างไทย – ไต้หวัน ให้คงอยู่สืบไป ด้านนายสือปั๋วซื่อ กล่าวขณะเข้าร่วมเป็นสักขีพยานว่า ตนยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นบรรดานักธุรกิจชาวไต้หวันในไทย เร่งระดมและบูรณาการทรัพยากรทั้งกำลังคนและกำลังทรัพย์ เพื่อให้ความช่วยเหลือสกัดกั้นโรคระบาดในไทยอย่างเป็นรูปธรรม นับตั้งแต่ที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 เป็นต้นมา อย่างไรก็ดี การบริจาคห้องผ่าตัดระบบความดันลบในครั้งนี้ เปี่ยมด้วยความหมายที่พิเศษยิ่ง แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างไต้หวัน – ไทยในเชิงลึก โดยการแลกเปลี่ยนด้านกิจการตำรวจและการเมืองระหว่างไต้หวัน – ไทย เป็นไปอย่างใกล้ชิดตลอดมา และคาดหวังที่จะขยายความร่วมมือระหว่างกันต่อไปในภายภาคหน้า