New Southbound Policy Portal
สาระสำคัญของเนื้อข่าว :
♦ รมว.ต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เรียกร้องให้ประชาคมโลกเห็นความสำคัญของไต้หวันที่ยืนหยัดปกป้องคุณค่าแห่งประชาธิปไตยอยู่ในแนวหน้า
♦ ในขณะที่อำนาจเผด็จการได้แผ่ขยายอิทธิพลสู่ภายนอก ทำให้ไต้หวันซึ่งตั้งอยู่ในแนวหน้า จึงหวังจะสร้างความร่วมมือกับประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันอย่างอินเดีย โดยไต้หวันจะระมัดระวังในการจัดการกับปัญหาสถานการณ์สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจีนใช้เป็น “แพะรับบาป”
-------------------------------------------
MOFA วันที่ 21 ต.ค. 63
เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์แก่ Ms. Palki Sharma พิธีกรรายการ Straight Talk ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ WION ของอินเดีย โดยรมว.อู๋ฯ กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่เจ้าหน้าที่สถานทูตจีนประจำสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิบุกเข้าไปก่อกวนงานเฉลิมฉลองแห่งวันชาติสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ที่สำนักงานตัวแทนไต้หวันในฟิจิเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นนั้น ทำให้ประชาชนชาวไต้หวันเกิดความรู้สึกไม่พอใจจีนเป็นอย่างมาก ซึ่งไต้หวันได้ใช้ช่องทางที่เหมาะสมในการแสดงจุดยืนต่อกรณีดังกล่าวแล้ว พร้อมนี้ รมว.อู๋ฯ ยังได้เรียกร้องให้ประชาคมโลกเห็นความสำคัญของไต้หวันที่ยืนหยัดปกป้องคุณค่าแห่งประชาธิปไตยอยู่ในแนวหน้า พร้อมทั้งกล่าวถึงการข่มขู่ด้วยกำลังทหารและการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ของจีน รวมถึงประเด็นที่องค์การอนามัยโลก (WHO) เพิกเฉยต่อคำเตือนของไต้หวันเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด – 19) รวมไปถึงการสร้างความร่วมมือแบบทวิภาคีระหว่างไต้หวัน – อินเดีย เป็นต้น
รมว.อู๋ฯ ชี้ว่า อินเดียและจีนมีความขัดแย้งในเรื่องของพรมแดน อีกทั้งจีนมีต้องการที่จะขยายแสนยานุภาพทางทหารในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ โดยในช่วงที่ผ่านมา กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (People's Liberation Army, PLA) ได้เพิ่มความถี่ในการส่งเครื่องบินทหารรุกล้ำเส้นแบ่งเขตน่านฟ้ากึ่งกลางช่องแคบไต้หวัน และในขณะที่อำนาจเผด็จการได้แผ่ขยายอิทธิพลสู่ภายนอก ทำให้ไต้หวันซึ่งตั้งอยู่ในแนวหน้า จึงหวังจะสร้างความร่วมมือกับประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันอย่างอินเดีย โดยไต้หวันจะระมัดระวังในการจัดการกับปัญหาสถานการณ์สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจีนใช้เป็น “แพะรับบาป” เมื่อต้องเผชิญกับวิกฤตการบริหารปกครองภายในประเทศ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากสงครามการค้าจีน–สหรัฐ โรคระบาด รวมไปจนถึงภัยธรรมชาติ
รมว.อู๋ฯ ยังกล่าวว่า เมื่อปลายปี 2019 ไต้หวันได้ส่งข้อมูลเตือนเรื่องการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ให้กับ WHO โดยได้กล่าวเตือนอย่างมีนัยสำคัญว่า มีความเป็นไปได้ในการแพร่ระบาดจากคนสู่คน แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจาก WHO และแม้ว่าไต้หวันจะประสบความสำเร็จในการป้องกันโรคระบาด แต่ก็ยังไม่ได้รับเชิญให้เข้ามีส่วนร่วมในการประชุมสมัชชาอนามัยโลก (WHA) แต่ถึงกระนั้น ในปัจจุบันมีหลายประเทศที่ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้กับไต้หวันแล้ว ไต้หวันจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า อินเดียจะให้การสนับสนุนไต้หวันด้วยเช่นกัน
รมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า “นโยบายมุ่งใต้ใหม่” ส่งผลให้ไต้หวัน – อินเดียมีโอกาสในการประสานความร่วมมือในเชิงลึกด้านการแพทย์ เทคโนโลยี การเกษตร การศึกษา รวมถึงเศรษฐกิจและการค้า โดยเมื่อปี 2018 หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายร่วมลงนาม “ความตกลงด้านการลงทุนแบบทวิภาคีระหว่างไต้หวัน – อินเดีย” นักธุรกิจไต้หวันก็เข้าลงทุนในอินเดียคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 2,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยสร้างตำแหน่งงานให้กับชาวอินเดียกว่า 65,000 ตำแหน่ง เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตไต้หวัน – อินเดียจะสามารถสร้างความร่วมมือในเชิงลึกด้านการลงทุนทางเศรษฐกิจและการค้า รวมถึงห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีระดับสูง ซึ่งสอดคล้องกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ
ทั้งนี้ “สถานีโทรทัศน์ WION” เป็นช่องข่าวนานาชาติที่รายงานข่าวเป็นภาษาอังกฤษ ภายใต้เครือ Zee News ซึ่งเป็น 1 ใน 10 ยักษ์ใหญ่ด้านสื่อมวลขนของอินเดีย โดยขอบเขตการออกอากาศครอบคลุมทุกภาคส่วนในอินเดีย สหรัฐอเมริกา แคนาดา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา รวมกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมีเรตติ้งการรับชมผ่านทางโทรทัศน์และอินเทอร์เน็ตกว่า 220 ล้านวิว