New Southbound Policy Portal
สาระสำคัญของเนื้อข่าว :
♦ เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ปธน.ไช่ฯ เรียกประชุมตัวแทนระดับสูงของสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อกล่าวชี้แนะแนวทางปฏิบัติการพัฒนาประเทศในประเด็นต่างๆ รวม 5 ประการ
♦ เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล่าสุดและความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในภายภาคหน้า รัฐบาลไต้หวันจะรักษาและเสริมสร้างความสัมพันธ์ในเชิงลึกระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ภายใต้หลักการธำรงรักษาและปกป้องไว้ซึ่งค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพ ตลอดจนธำรงรักษาไว้ซึ่งเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวันต่อไป
-------------------------------------------
ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 31 ต.ค. 63
เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เรียกประชุมตัวแทนระดับสูงของสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อกล่าวชี้แนะแนวทางปฏิบัติการพัฒนาประเทศในประเด็นต่างๆ รวม 5 ประการ ดังนี้ การข่มขู่ด้วยกำลังทหารของจีนและความมั่นคงในระดับภูมิภาค การเสริมสร้างความสัมพันธ์ในเชิงลึกระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวันที่มีเสถียรภาพ การสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในด้านการเมืองและเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจในอนาคต
ปธน.ไช่ฯ ชี้แจงว่า เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล่าสุดและความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในภายภาคหน้า รัฐบาลไต้หวันจะรักษาและเสริมสร้างความสัมพันธ์ในเชิงลึกระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ภายใต้หลักการธำรงรักษาและปกป้องไว้ซึ่งค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพ ตลอดจนธำรงรักษาไว้ซึ่งเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวันต่อไป โดยรัฐบาลไต้หวันมีความเชื่อมั่นและมีศักยภาพในการรับมือกับสถานการณ์ในรูปแบบต่างๆ จึงขอให้ประชาชนในประเทศไว้วางใจ โดยคำชี้แนะของปธน.ไช่ฯ มีดังนี้ :
1. การข่มขู่ด้วยกำลังทหารของจีนและความมั่นคงในระดับภูมิภาค
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี้ กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (People's Liberation Army, PLA)ได้เพิ่มความถี่ในการดำเนินภารกิจทางการทหาร ณ บริเวณช่องแคบไต้หวัน ทะเลจีนใต้ และทะเลจีนตะวันออก ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ความมั่นคงระดับภูมิภาค ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งในภูมิภาค ไต้หวันจะปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลัง เมื่อมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ เราจะเห็นได้ว่าการยอมจำนนไม่สามารถนำพาสันติสุขมาสู่ภูมิภาคได้ มีเพียงแค่การยึดมั่นในความตั้งใจแน่วแน่ที่จะปกป้องประเทศ และการเสริมสร้างศักยภาพด้านกลาโหมเท่านั้น ที่จะสามารถธำรงรักษาประเทศชาติให้คงอยู่สืบต่อไปได้
2. การเสริมสร้างความสัมพันธ์ในเชิงลึกระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ
ปธน.ไช่ฯ กำชับให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และสำนักงานตัวแทนไต้หวันประจำสหรัฐอเมริกา ร่วมส่งเสริมภารกิจด้านการทูตในเชิงลึกกับสหรัฐฯ ต่อไป ประกอบด้วย การจับตาแนวโน้มการพัฒนาในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง การส่งเสริมให้ไต้หวันได้รับการสนับสนุนจากทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านของสหรัฐฯ การติดตามความคืบหน้าของแผนนโยบายที่สำคัญที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ในส่วนของภารกิจในอนาคตที่เรียงลำดับตามความสำคัญนั้น ก็ต้องดำเนินการอย่างกระตือรือร้น ไต้หวันและสหรัฐฯ เป็นพันธมิตรที่มีแนวคิดและค่านิยมคล้ายคลึงกัน เชื่อมั่นว่าในอนาคต ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ จะเกิดความแนบแน่นมากยิ่งขึ้นภายใต้พื้นฐานที่มีอยู่เดิม โดยจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากปัจจัยที่อาจเปลี่ยนแปลงไป
3. การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวันที่มีเสถียรภาพ
เมื่อเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงของความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ปธน.ไช่ฯ กล่าวเน้นย้ำว่า การรักษาเสถียรภาพทางความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน นับเป็นผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างสองฝ่าย โดยทั้งสองฝ่ายควรตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานการเคารพซึ่งกันและกัน และทัศนคติเชิงบวก ในการร่วมกันอภิปรายถึงแนวทางในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ซึ่งพวกเรายินดีที่จะส่งเสริมให้เกิดการเจรจาระหว่างสองฝั่งช่องแคบที่มีความหมาย ภายใต้หลักการที่สอดคล้องกับความเท่าเทียมทางศักดิ์ศรี คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาลปักกิ่งจะสามารถร่วมแบกรับความรับผิดชอบที่เท่าเทียม ทั้งนี้ เพื่อเร่งให้เกิดการเจรจาระหว่างกันโดยเร็ว
4. การสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในด้านการเมืองและเศรษฐกิจภายในประเทศ
ปธน.ไช่ฯ ชี้แจงว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับผลกระทบต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยในสังคมจากปัจจัยภายนอก สำนักงานป้องกันชายฝั่งทะเล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรดำเนินการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในบ้านเมือง ป้องกันและปราบปรามการแพร่ข่าวปลอม เสริมสร้างเครือข่ายความมั่นคงปลอดภัยในโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ตลอดจนร่วมปกป้องวิถีการดำเนินชีวิตที่เปี่ยมด้วยเสรีภาพและอยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยให้กับมวลมนุษยชาติในประเทศ
5. การพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจในอนาคต
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า หน่วยงานกระทรวงการคลังและกระทรวงเศรษฐการ ต้องจับตาต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของตลาดการเงินและเศรษฐกิจ หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในเร็ววันนี้ พร้อมเร่งยกระดับมาตรการฟื้นฟูและเยียวยาอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด – 19) อย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนเร่งผลักดันโครงการด้านการลงทุนขนาดใหญ่และโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการตอบสนองต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในภายภาคหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ