New Southbound Policy Portal

กต.ไต้หวันขอบคุณวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ที่มีมติเห็นชอบ ผ่าน “ร่างกฎหมายว่าด้วยหลักประกันไต้หวัน ปี 2020” พร้อมจัดสรรงบประมาณสนับสนุนกรอบความร่วมมือ GCTF

สาระสำคัญของเนื้อข่าว :
♦ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 21 ธ.ค. ตามเขตเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ มีมติเห็นชอบในการผ่าน “ร่างกฎหมายงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ประจำปี 2021” โดยในจำนวนนี้ได้จัดสรรงบประมาณจำนวนเงิน 3 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อใช้สำหรับการผลักดันกรอบความร่วมมือ GCTF

♦ “ร่างกฎหมายว่าด้วยหลักประกันไต้หวัน ปี 2020” มีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนไต้หวันด้วยการอนุมัติจำหน่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ไต้หวันเป็นประจำ ตลอดจนให้การสนับสนุนไต้หวันในการเข้ามีส่วนร่วมอย่างมีความหมายในองค์การระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เร่งพิจารณาทบทวนแนวทางการติดต่อแลกเปลี่ยนกับไต้หวัน พร้อมทั้งต้องรายงานการสรุปผลการพิจารณาทบทวน และสถานการณ์ความคืบหน้าในการดำเนินการตาม “กฎหมายการเดินทางไต้หวัน” ต่อสภาคองเกรส

♦ วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ให้การยอมรับต่อกรอบความร่วมมือ GCTF ว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ไต้หวัน สหรัฐฯ และญี่ปุ่นร่วมส่งเสริมการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองให้เกิดแก่ภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก ทั้งในด้านสาธารณสุข การบังคับใช้กฎหมาย การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ความร่วมมือด้านพลังงาน การเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจของสตรี การรู้เท่าทันสื่อ และการปกครองด้วยหลักธรรมาภิบาล
-------------------------------------------
MOFA วันที่ 22 ธ.ค. 63

 

เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 21 ธ.ค. ตามเขตเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ มีมติเห็นชอบในการผ่าน “ร่างกฎหมายงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ประจำปี 2021” โดยในจำนวนนี้ได้จัดสรรงบประมาณจำนวนเงิน 3 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อใช้สำหรับการผลักดันกรอบความร่วมมือและฝึกอบรมนานาชาติ (Global Cooperation and Training Framework, GCTF) พร้อมทั้งกำหนดให้เนื้อหาสาระสำคัญใน “ร่างกฎหมายว่าด้วยหลักประกันไต้หวัน ปี 2020” (Taiwan Assurance Act of 2020) เข้าเป็นส่วนหนึ่งในญัตติข้างต้น ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่า สภาคองเกรสของสหรัฐฯ พร้อมให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างหนักแน่นโดยไม่มีการแบ่งแยกฝักฝ่าย กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) รู้สึกยินดีและขอแสดงความขอบคุณด้วยใจจริง

 

“ร่างกฎหมายว่าด้วยหลักประกันไต้หวัน ปี 2020” ถูกทยอยเสนอในที่ประชุมวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรโดย Mr.Tom Cotton (R-AR) สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ และ Mr. Eliot Engel (D-NY) ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และ Mr. Michael McCaul (R-TX) แกนนำพรรครีพับลิกัน โดยเมื่อเดือนพ.ค. ปี 2019 สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ร่วมลงมติผ่านญัตติข้างต้นอย่างเป็นเอกฉันท์ โดยเนื้อหาสาระสำคัญของร่างกฎหมายมีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนไต้หวันด้วยการอนุมัติจำหน่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ไต้หวันเป็นประจำ อันจะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพในการป้องกันประเทศ ตลอดจนให้การสนับสนุนไต้หวันในการเข้ามีส่วนร่วมอย่างมีความหมายในองค์การระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เร่งพิจารณาทบทวนแนวทางการติดต่อแลกเปลี่ยนกับไต้หวัน พร้อมทั้งต้องรายงานการสรุปผลการพิจารณาทบทวน และสถานการณ์ความคืบหน้าในการดำเนินการตาม “กฎหมายการเดินทางไต้หวัน” (Taiwan Travel Act) ต่อสภาคองเกรสด้วย

 

“ร่างกฎหมายงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ประจำปี 2021” เป็นครั้งแรกที่มีการระบุเนื้อหาว่าด้วยการจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้สำหรับการผลักดันกิจกรรมที่เกี่ยวข้องภายใต้กรอบความร่วมมือ GCTF โดยได้มีการกำหนดวงเงินงบประมาณสูงสุดไว้ที่ 3 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ อีกทั้งยังเป็นการให้การยอมรับต่อกรอบความร่วมมือ GCTF ว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ไต้หวัน สหรัฐฯ และญี่ปุ่นร่วมส่งเสริมการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองให้เกิดแก่ภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก ทั้งในด้านสาธารณสุข การบังคับใช้กฎหมาย การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ความร่วมมือด้านพลังงาน การเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจของสตรี การรู้เท่าทันสื่อ และการปกครองด้วยหลักธรรมาภิบาล แสดงให้เห็นถึงวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ให้การชื่นชมยอมรับต่อผลสัมฤทธิ์ต่างๆ ภายใต้กรอบความร่วมมือ GCTF นับตั้งแต่ที่มีการจัดตั้งมาเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี ซึ่งเปี่ยมด้วยนัยยะที่พิเศษยิ่ง ตลอดจนยังมีส่วนช่วยในการที่ไต้หวัน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น จะขยายขอบเขตความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนกับประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ผ่านแพลตฟอร์ม GCTF ในอนาคตต่อไป

 

กต.ไต้หวันขอแสดงความขอบคุณต่อสภาคองเกรสสหรัฐที่ให้การสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ อย่างเป็นรูปธรรมโดยไม่มีการแบ่งแยกฝักฝ่าย โดยรัฐบาลไต้หวันจะยึดมั่นในหลักการความเชื่อถือและเอื้อผลประโยชน์ซึ่งกันและกันในการประสานความร่วมมือกับสหรัฐฯ ภายใต้พื้นฐานที่มีอยู่เดิมต่อไป ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนระดับโลกในด้านต่างๆ ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ในเชิงลึกสืบต่อไป