New Southbound Policy Portal

รมว.ต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ให้สัมภาษณ์แก่ AFR สื่อออสเตรเลีย เรียกร้องให้ทั่วโลกจับตาการแผ่อิทธิพลของจีน

กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 6 พ.ค. 64

 

เมื่อวันที่ 4 พ.ค. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Mr. Michael Smith ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ The Australian Financial Review ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยรมว.อู๋ฯ ได้เรียกร้องให้ประชาคมโลกตระหนักเห็นถึงผลกระทบที่เกิดจากการแผ่ขยายอำนาจเผด็จการของจีน พร้อมชี้แจงถึงประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – ออสเตรเลีย และการเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศของไต้หวัน โดยรายงานข่าวฉบับนี้ได้รับการตีพิมพ์เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา

 

ต่อกรณีที่เจ้าหน้าที่ภาครัฐของออสเตรเลียได้เรียกร้องให้ประชาคมโลก จับตาสถานการณ์สองฝั่งช่องแคบไต้หวันในช่วงที่ผ่านมา รมว.อู๋ฯ ขอบคุณรัฐบาลออสเตรเลียที่ให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างหนักแน่น มาเป็นระยะเวลายาวนาน พร้อมชี้ว่า ขณะนี้จีนกำลังแผ่ขยายอำนาจเผด็จการสู่ภายนอก ด้วยการแสดงพฤติกรรมการข่มขู่ทางกำลังทหารในพื้นที่แถบทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ นับครั้งไม่ถ้วน และยังตั้งใจที่จะขยายแสนยานุภาพทางทหารในทะเลจีนใต้ สร้างความตึงเครียดให้แก่นานาประเทศในภูมิภาคเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังได้ยกระดับความเข้มงวดในการดำเนินมาตรการควบคุมประชาชนในซินเจียง ทิเบต และฮ่องกง พร้อมทั้งยังได้จำกัดเสรีภาพทางศาสนารวมถึงสื่อมวลชนต่างประเทศอีกด้วย

 

รมว.อู๋ฯ ย้ำว่า ไต้หวันตั้งอยู่ในแนวหน้าที่ต้องเผชิญกับการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ของจีน โดยรัฐบาลจีนยังคงใช้การข่มขู่ด้วยกำลังทหาร การเผยแพร่ข่าวปลอม สงครามลูกผสม (Hybrid Warfare) การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ และการขัดขวางไม่ให้ไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศ เพื่อทำการก่อกวนไต้หวันอย่างไม่สิ้นสุด รัฐบาลไต้หวันคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า มิตรประเทศแห่งประชาธิปไตยที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกับไต้หวัน จะร่วมให้การสนับสนุนไต้หวัน พร้อมจับตามองสถานการณ์สองฝั่งช่องแคบไต้หวันอย่างใกล้ชิด ซึ่งรมว.อู๋ฯ ชี้แจงอีกว่า อำนาจเผด็จการของจีนได้แผ่ขยายอิทธิพลออกไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันจีนได้แผ่ขยายจากระยะห่วงโซ่ที่ 1 (First Island Chain) ไปยังระยะห่วงโซ่ที่ 2 และ 3 แล้ว อันจะเห็นได้จากกรณีที่จีนได้แย่งชิงประเทศพันธมิตรของไต้หวัน อย่างหมู่เกาะโซโลมอนและสาธารณรัฐคิริบาส ให้ตกอยู่ในการควบคุมของจีน รมว.อู๋ฯ เรียกร้องให้ประชาชนในประเทศประชาธิปไตย ซึ่งรวมถึงออสเตรเลีย ร่วมจับตาต่อการแผ่ขยายอิทธิพลสู่ภายนอกของจีนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ถือเป็นการบ่อนทำลายค่านิยมสากลด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพที่เหล่าประเทศประชาธิปไตยต่างยึดมั่นร่วมกัน

 

สำหรับประเด็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่างไต้หวัน – ออสเตรเลีย ทั้งสองประเทศต่างเป็นหุ้นส่วนทางการค้าซึ่งกันและกัน โดยไต้หวันคาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเปิดการเจรจา “ข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับทวิภาคี” (ECA) กับออสเตรเลียในเร็ววันนี้ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าแบบทวิภาคีระหว่างกันในเชิงลึก นอกจากนี้ ไต้หวันยังได้วางแนวทางในการยื่นขออนุมัติเข้าร่วม “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” (Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership, CPTPP) ในโอกาสที่เหมาะสม โดยคาดหวังที่จะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากออสเตรเลีย รมว.อู๋ฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเสริมสร้างความร่วมมือด้านความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน และการสกัดกั้นโรคระบาดระหว่างไต้หวัน – ออสเตรเลียในเชิงลึกต่อไป

 

ทั้งนี้ AFR ก่อตั้งขึ้นในปี 1951 ในปัจจุบันมียอดผู้ติดตามผ่านทางหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าว เป็นจำนวนกว่า 3 ล้านคน ถือเป็นหนึ่งในสื่อมวลชนระดับแนวหน้าที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการค้ามากที่สุดในออสเตรเลีย