New Southbound Policy Portal

ปธน.ไช่ฯ เรียกประชุมตัวแทนระดับสูงของสภาความมั่นคงแห่งชาติ พร้อมเรียกร้องให้ทุกคนร่วมผนึกกำลังกันในการป้องกันโรคระบาด นำพาไต้หวันให้ก้าวพ้นวิกฤตครั้งนี้

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 13 พ.ค. 64
 
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เรียกประชุมตัวแทนระดับสูงของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ณ ทำเนียบประธานาธิบดี โดยปธน.ไช่ฯ ได้ชี้แจงถึงเหตุขัดข้องของโรงไฟฟ้าซิงต๋า (Hsinta Power Plant) และแนวทางการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับโรคโควิด – 19 ของแต่ละหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงได้หารือกันในประเด็นแนวโน้มความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยหลังเสร็จสิ้นการประชุม ปธน.ไช่ฯ ได้กล่าวสุนทรพจน์ ณ ห้องโถงใหญ่ของทำเนียบ พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนประสานพลังสามัคคีในการป้องกันโรคระบาดเพื่อนำพาไต้หวันก้าวผ่านวิกฤตในครั้งนี้ ในการดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคระบาดอย่างเคร่งครัด
 
สุนทรพจน์ของปธน.ไช่ฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
 
ในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ทวีความรุนแรงขึ้น ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาด (CECC) ไต้หวัน จึงได้ทำการยกระดับมาตรการป้องกันโรคระบาดให้มีความเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งในวันนี้พวกเราได้จัดการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยได้กำหนดแนวทางของภารกิจหลักๆ ไว้ดังนี้
 
ในวันที่ 12 พ.ค. CECC ได้ยกระดับการแจ้งเตือนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยสภาบริหาร มีหน้าที่กำกับและตรวจสอบความคืบหน้าในการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการป้องกันโรคระบาดอย่างเคร่งครัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นโรคระบาด
 
นอกจากนี้ ในด้านสถานการณ์ล่าสุดของการแพร่ระบาดโควิด - 19 ปธน.ไช่ฯ ได้กำชับให้ CECC เร่งตรวจสอบค้นหาแหล่งติดเชื้อที่แน่ชัดให้ได้โดยเร็ว และทำการติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ พร้อมทั้งตรวจสอบไทม์ไลน์และแจ้งเตือนผู้ที่มีความเสี่ยงในการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด -19 เพื่อสกัดกั้นไม่ให้โรคระบาดลุกลามเป็นวงกว้าง
 
สำหรับประเด็นการจัดหาวัคซีน ไต้หวันได้สั่งซื้อวัคซีนจากต่างประเทศ โดยจะจัดส่งมาถึงไต้หวันในเดือนมิถุนายนนี้ ปธน.ไช่ฯ จึงได้เรียกร้องให้หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดวางแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้า ในส่วนของการวิจัยและพัฒนาวัคซีนภายในประเทศนั้น ขณะนี้ได้เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายในช่วงที่ 2 ของการทดลองทางคลินิก คาดว่า ภายในเดือนกรกฎาคมจะสามารถเปิดใช้วัคซีนภายในประเทศแก่ประชาชนได้
 
เพื่อสร้างหลักประกันในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ จากโรคระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลจะเร่งเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนและยกระดับศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อตอบสนองต่ออุปสงค์ของชาติในอนาคตต่อไป
 
นอกจากนี้ ปธน.ไช่ฯ ยังได้เตือนประชาชนว่า ในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการเผยแพร่ข่าวปลอมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่ามีเป้าหมายที่จะสร้างความตื่นตระหนกในสังคม หรือทำลายความมั่นใจของภาคประชาชนที่มีต่อ CECC ซึ่งพวกเราจะเร่งจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อทำการตรวจสอบและติดตามการเผยแพร่ข่าวปลอม และให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้กับภาคประชาชน
 
อย่างไรก็ตาม ปธน.ไช่ฯ เน้นย้ำว่า ในช่วงที่ผ่านมา ในประเด็นมาตรฐานการประกาศไทม์ไลน์ และการตรวจคัดกรอง CECC ได้ใช้ความเป็นมืออาชีพขั้นสูงและประสบการณ์ที่สั่งสมมา พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการวินิจฉัยและการจัดการแก้ไขปัญหาของพวกเขามีความถูกต้องแม่นยำ จึงขอให้ประชาชนไว้วางใจ เชื่อมั่นใน CECC อย่าหลงเชื่อไปกับข้อมูลที่ไม่เป็นจริง
 
ในตอนท้าย ปธน.ไช่ฯ ได้เรียกร้องให้ภาคประชาชน หน่วยงานภาครัฐแต่ละหน่วยประสานความร่วมมือในภารกิจการป้องกันโรคระบาด ซึ่งหน่วยงานรัฐบาลกลางก็ควรที่จะผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียว เพราะพวกเราทุกคน ล้วนเป็นหนึ่งในสมาชิกที่ร่วมสู้เพื่อการสกัดกั้นโรคระบาดที่ขาดไม่ได้