New Southbound Policy Portal

รมว. กต.ไต้หวัน ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าว CNN International

กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 24 มิ.ย. 64
 
เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Mr.Will Ripley ผู้สื่อข่าวรายการ CNN International ของสหรัฐฯ ที่ประจำอยู่ในฮ่องกง  โดย รมว.อู๋ฯ ได้ชี้แจงถึงแนวทางที่ไต้หวันใช้ในการรับมือกับการข่มขู่ทางกำลังทหารและการโจมตีทางไซเบอร์ของจีน ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น รวมถึงสภาพการณ์ในปัจจุบันของความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน โดยบทสัมภาษณ์ดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ผ่านรายการ CNN International และออกอากาศในสหรัฐฯ พร้อมกัน เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 64
 
สำหรับแนวทางที่ไต้หวันใช้รับมือกับการรุกรานจากรัฐบาลจีน ทั้งการข่มขูด้วยกำลังทหาร การเผยแพร่ข่าวปลอม และสงครามข้อมูลข่าวสาร รมว.อู๋ฯ ชี้ว่าต่อกรณีที่จีนแผ่ขยายอิทธิพลและท้าทายไต้หวันด้วยกำลังทหาร ในช่วงที่ผ่านมา ไต้หวันนอกจากจะได้รับการสนับสนุนจากทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันแล้ว ไต้หวันยังได้เร่งผลักดันการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อป้องกันประเทศด้วยตนเอง พร้อมเสริมสร้างแสนยานุภาพในการป้องกันประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับความเคลื่อนไหวของรัฐบาลจีนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไต้หวันมีความมุ่งมั่นและศักยภาพในการป้องกันประเทศด้วยตนเอง พร้อมนี้ ไต้หวันยังมุ่งมั่นที่จะประสานความร่วมมือกับประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน เพื่อร่วมรักษาค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพ ตลอดจนธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพ ในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก สืบต่อไป
 
รมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ไม่เคยปกครองไต้หวันมาก่อน รัฐบาลจีนวางแผนที่จะแผ่ขยายอิทธิพลด้วยการฝ่าระยะห่วงโซ่ที่ 1 (First Island Chain) ไปสู่พื้นที่ในบริเวณน่านน้ำโดยรอบ ด้วยเหตุนี้ การประชุมระดับนานาชาติที่จัดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ต่างได้มีการร่วมแสดงความห่วงใยต่อประเด็นสันติภาพและเสถียรภาพระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน อีกทั้งการรวมกลุ่มเจรจาด้านความมั่นคงปลอดภัยระหว่างภาคี 4 ประเทศ (QUAD) การประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างสหรัฐฯ – ญี่ปุ่น สหรัฐฯ – เกาหลีใต้ และการประชุมสุดยอดผู้นำ EU – ญี่ปุ่น  และ EU – US รวมถึงการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกลุ่มประเทศ G7 และการประชุมสุดยอดผู้นำประเทศอื่นๆ เป็นต้น แสดงให้เห็นว่า ประเด็นระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ได้กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากประชาคมโลกทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก รมว.อู๋ฯ ชี้ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไต้หวันแก้ปัญหาระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวันโดยยึดมั่นในหลักการไม่ท้าทายและไม่ยั่วยุ พร้อมกันนี้ ไต้หวันยังได้แสดงจุดยืน “สันติภาพ ความเท่าเทียม ประชาธิปไตย และการเจรจา”อย่างแน่วแน่ พร้อมทั้งยึดมั่นในฉันทามติสากลว่าด้วย “การรักษาสถานภาพปัจจุบันของสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน”โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้รัฐบาลจีนทำลายสถานภาพในปัจจุบัน
 
รมว.อู๋ฯ ชี้แจงว่า ไต้หวันในฐานะที่เป็นพลังแห่งความดีของโลก จะเร่งสร้างคุณประโยชน์ให้กับประชาคมโลกอย่างกระตือรือร้นต่อไป นอกจากนี้ ไต้หวันยังจะธำรงรักษาไว้ซึ่งค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพ พร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงในฐานะตัวแทนของภาคประชาชนในเวทีนานาชาติ เพื่อปกป้องสิทธิประโยชน์ของตนเอง ตลอดจนปกป้องระบอบประชาธิปไตยและเสรีภาพให้คงอยู่สืบต่อไป