New Southbound Policy Portal

ปธน.ไช่ฯ เข้าร่วม “พิธีเปิดสัปดาห์พลังงานอัจฉริยะนานาชาติไต้หวัน 2021”

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 8 ธ.ค. 64
 
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เดินทางไปเข้าร่วม “พิธีเปิดสัปดาห์พลังงานอัจฉริยะนานาชาติไต้หวัน ประจำปี 2021” พร้อมกล่าวปราศรัยว่า คาดการณ์ว่าในปี 2025 พลังงานลมและโครงสร้างพื้นฐานด้านออปโตอิเล็กทรอนิกส์จะสามารถสร้างมูลค่าการลงทุนให้กับไต้หวันได้เป็นจำนวน 1.7 ล้านล้านเหรียญไต้หวัน และมูลค่าการผลิตกว่า 2 ล้านล้านเหรียญไต้หวัน รวมถึงสามารถสร้างโอกาสงานได้ทั้งหมด 160,000 ตำแหน่ง โดยรัฐบาลจะเร่งผลักดันให้ไต้หวันก้าวสู่การเป็น “ศูนย์พัฒนาพลังงานสีเขียวในภูมิภาคเอเชีย” พร้อมทั้งจะเร่งขยายขอบเขตอุตสาหกรรมพลังงานสีเขียวให้เกิดการพัฒนาที่รุดหน้ามากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้ไต้หวันก้าวสู่บทบาทสำคัญที่ไม่สามารถขาดได้ในห่วงโซ่อุปทานด้านพลังงานสีเขียวในระดับนานาชาติ
 
ปธน.ไช่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 (UNFCCC COP 26) ที่เพิ่งปิดฉากลงไปเมื่อเดือนที่แล้ว มีประเด็นสำคัญคือ “การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2050” ซึ่งเป็นฉันทามติร่วมกันในระดับสากล “สัปดาห์แห่งพลังงานอัจฉริยะนานาชาติไต้หวัน” ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ จึงถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นตั้งใจในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนของไต้หวัน
 
ปธน.ไช่ฯ กล่าวอีกว่า นิทรรศการที่จัดขึ้นในครั้งนี้ เป็นแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมพลังงานสีเขียวในไต้หวัน โดยการจัดตั้ง “ศูนย์พัฒนาพลังงานสีเขียวประจำภูมิภาคเอเชีย” ขึ้นในไต้หวัน เป็นเป้าหมายที่เราจะทำให้ได้ ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการผลักดันอย่างเต็มกำลัง
 
ความต้องการด้านพลังงานสีเขียวของภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก นับวันยิ่งเพิ่มสูงขึ้นทุกที ในปีนี้ ไต้หวันได้ริเริ่มบังคับใช้ “เงื่อนไขสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่” อย่างเป็นทางการ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ยกระดับอัตราการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสีเขียว ให้เพิ่มสูงขึ้นภายใน 5 ปีนี้
 
อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวันกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาอย่างเต็มที่ ทำให้เมื่อมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าสีเขียวอย่างเร่งด่วนของเหล่าผู้ประกอบการ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องขยายขอบเขตการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานสีเขียว ตลอดจนให้ความช่วยเหลือแก่ภาคอุตสาหกรรมไต้หวัน ในการก้าวสู่การเป็นห่วงโซ่สำคัญที่ไม่สามารถขาดได้ในห่วงโซ่อุปทานด้านพลังงานสีเขียวระดับนานาชาติ
 
ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่า เมื่อเปรีบเทียบกับ 5 ปีที่แล้ว ยอดการติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ของไต้หวัน มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 4.7 เท่า นอกจากนี้ เมื่อช่วงที่ผ่านมา พลังงานลมจากนอกชายฝั่งแห่งที่  2 ของไต้หวันก็ได้เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการแล้ว
 
การที่ไต้หวันจะก้าวไปข้างหน้าและพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง จำเป็นต้องผลักดันการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในระยะยาว ซึ่งเราจำเป็นต้องอาศัยการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานก๊าซมาทดแทนในระยะแรก เพื่อเชื่อมโยงไปสู่เป้าหมายในระยะยาว จึงจะทำให้ระบบการจ่ายพลังงานไฟฟ้ามีความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
แม้ว่าหนทางแห่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานจะมีความท้าทายเป็นอย่างมากรออยู่ แต่ไม่ว่าจะลำบากเพียงใด รัฐบาลจะทำการเจรจาหารือกับทุกฝ่ายในสังคม เพื่อร่วมกันหาวิธีแก้ไขปัญหา พร้อมหวังให้ทุกคนรวมพลังเพื่อก้าวสู่เส้นทางแห่งอนาคตต่อไป