New Southbound Policy Portal

ประเทศของเราประกาศแถลงการณ์แห่งชาติในระหว่าง “การประชุมสุดยอดประชาธิปไตย” ยืนยันคำมั่นที่ไต้หวันมีต่อประชาธิปไตยอย่างหนักแน่น โดยจะไม่ยอมจำนนต่ออิทธิพลจากประเทศเผด็จการ พร้อมขอบคุณทั่วโลกที่ให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างหนักแน่น

กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 10 ธ.ค. 64
 
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา ทำหน้าที่เป็นประธานใน “การประชุมสุดยอดประชาธิปไตย” (Summit for Democracy) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ระหว่างวันที่  9 – 10 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยในการประชุมครั้งนี้ ออเดรย์ ถัง รัฐมนตรีประจำสภาบริหาร สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และนางสาวเซียวเหม่ยฉิน ผู้แทนรัฐบาลไต้หวันประจำสหรัฐฯ ได้เข้าร่วมในการประชุมออนไลน์ครั้งนี้พร้อมกับเหล่าผู้นำของประเทศต่างๆ โดยเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตามเวลาในกรุงไทเป รมว.ถังฯ ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนรัฐบาลของประเทศของเราในการประกาศแถลงการณ์แห่งชาติ (National Statement) ผ่านการบันทึกวิดีทัศน์ล่วงหน้า เพื่อร่วมแบ่งปันเรื่องราวประชาธิปไตยที่ประสบความสำเร็จของไต้หวันให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาคมโลก พร้อมเน้นย้ำว่า ไต้หวันจะยืนหยัดในการเป็นประเทศแนวหน้าของโลกในการร่วมต่อต้านลัทธิอำนาจนิยมอย่างหนักแน่น ตลอดจนยินดีที่จะรับบทบาทผู้นำในการส่งเสริมเสรีภาพ ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนให้กับทั่วโลกสืบไป
 
ไต้หวันประสบความสำเร็จด้านความเป็นประชาธิปไตยเป็นอย่างมาก ซึ่ง Mr. Antony Blinken รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ให้การยอมรับในระหว่างการประชุมภายใต้หัวข้อ “เสริมสร้างความยืดหยุ่นในระบอบประชาธิปไตย” โดยเปิดเผยว่า ไต้หวัน สหรัฐฯ และนานาประเทศ ต่างให้การสนับสนุนองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่นระดับโลก (Global Anti-Corruption Consortium, GACC) อย่างเต็มที่
 
ในวันแรกของการประชุมสุดยอดประชาธิปไตยที่สหรัฐฯ จัดขึ้น รัฐบาลจีนได้ชักจูงให้สาธารณรัฐนิการากัวยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันด้วยการส่งมอบผลประโยชน์ให้ พฤติกรรมเหล่านี้ของรัฐบาลจีนที่ต้องการความแตกแยกระหว่างไต้หวันและประเทศพันธมิตร ถือเป็นความท้าทายต่อโลกประชาธิปไตยเป็นอย่างมาก แต่ถึงกระนั้น ไต้หวันกลับไม่รู้สึกโดดเดี่ยวในกลุ่มประเทศประชาธิปไตย เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากนานาประเทศ นอกจากกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ จะประกาศแถลงการณ์ให้การสนับสนุนไต้หวันในทันทีที่ทราบช่าวแล้ว ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ยังได้เน้นย้ำว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันและประเทศพันธมิตรในซีกโลกตะวันตก นำมาซึ่งผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงที่ยิ่งใหญ่ให้กับภาคประชาชนในประเทศนั้นๆ เป็นอย่างมาก โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ส่งเสริมให้นานาประเทศเร่งเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนกับไต้หวันในวงกว้างมากยิ่งขึ้น
 
ไต้หวันให้คำมั่นมาโดยตลอดว่า จะยืนหยัดอยู่ในแนวหน้าเพื่อต่อต้านลัทธิอำนาจนิยมทั่วโลก โดยประเทศของเราจะเร่งประสานความร่วมมือกับสหรัฐฯ และประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันต่อไป เพื่อธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยและค่านิยมด้านสิทธิมนุษยชน ให้คงอยู่สืบไป