New Southbound Policy Portal
ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 19 ม.ค. 65
พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ H.E. Xiomara Castro ประธานาธิบดีคนใหม่ของสาธารณรัฐฮอนดูรัส ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 27 ม.ค. ปี 2022 โดยเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 19 ม.ค.ทำเนียบประธานาธิบดี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้จัดงานแถลงข่าว โดยประกาศว่า ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้มอบหมายให้นายไล่ชิงเต๋อ รองประธานาธิบดี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ทำหน้าที่เป็นทูตพิเศษและจัดตั้งคณะตัวแทนไต้หวันเพื่อเดินทางไปเข้าร่วมแสดงความยินดีกับผู้นำคนใหม่ของฮอนดูรัส โดยปธน.ไช่ฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รองปธน.ไล่ฯ และคณะทูตพิเศษจะบรรลุ “ภารกิจกระชับความสัมพันธ์เชิงลึก 3 ประการ”ที่ประกอบด้วย การเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประเทศพันธมิตรในเชิงลึก การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกัน และกระตุ้นให้ประเทศพันธมิตรส่งเสริมให้ไต้หวันที่เป็นประเทศประชาธิปไตย เข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศ
ในระหว่างงานแถลงข่าว นายจางตุนหาน โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึง สาเหตุของการเดินทางเยือนฮอนดูรัส โดยระบุว่า เพื่อเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 27 ม.ค. นี้
นายจางฯ เน้นย้ำว่า ปธน.ไช่ฯคาดหวังที่จะเห็นรองปธน.ไล่ฯ และคณะทูตพิเศษ บรรลุ “ภารกิจกระชับความสัมพันธ์เชิงลึก 3 ประการ” ประการแรก การเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประเทศพันธมิตรในเชิงลึก ตราบจนปัจจุบัน ไต้หวัน - ฮอนดูรัสได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันมาเป็นระยะเวลานานกว่า 80 ปีแล้ว หลายปีมานี้ ฮอนดูรัสได้ให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างกระตือรือร้น อีกทั้งฮอนดูรัสยังเป็นประเทศพันธมิตรที่สำคัญของไต้หวันในภูมิภาคอเมริกากลางอีกด้วย ปธน.ไช่ฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเดินทางเยือนในครั้งนี้จะส่งผลให้ความสัมพันธ์อันดีที่สั่งสมมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ก้าวไปสู่การพัฒนาในอีกระดับ
ประการที่ 2 การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกัน โดยในช่วงหลายปีมานี้ ไต้หวัน - ฮอนดูรัสได้ประสานความร่วมมือระหว่างกันในด้านต่างๆ อย่างใกล้ชิด อาทิ เศรษฐกิจการค้า สาธารณสุข สวัสดิการทางสังคม โครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมสิทธิสตรี รวมถึงอุตสาหกรรมการเกษตรและการประมง เป็นต้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในภูมิภาคอเมริกากลาง นับเป็นตลาดที่เปี่ยมด้วยโอกาสและศักยภาพในการพัฒนาขั้นสูง ปธน.ไช่ฯ คาดหวังว่า การเดินทางเยือนในครั้งนี้ จะสามารถเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางความร่วมมือระหว่างกันในเชิงลึก เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันต่อไป ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตของสาธารณชนทั้ง 2 ประเทศต่อไป
ประการที่ 3 กระตุ้นให้ประเทศพันธมิตรส่งเสริมให้ไต้หวันที่เป็นประเทศประชาธิปไตย เข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศ การเดินทางเยือนของคณะทูตพิเศษในครั้งนี้ ถือเป็นการนำพาไต้หวันก้าวสู่ประชาคมโลก ปธน.ไช่ฯ ไม่เพียงแต่คาดหวังว่าในอนาคตทั้ง 2 ประเทศจะเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันในเวทีนานาชาติอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกระตุ้นการพัฒนาซึ่งกันและกัน พร้อมคาดหวังว่า ไต้หวัน – ฮอนดูรัสและประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน จะสามารถประสานความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างคุณประโยชน์ที่สำคัญในประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจ โดยไต้หวันจะแสดงให้ประชาคมโลกประจักษ์ว่า ไต้หวันที่เป็นประชาธิปไตยเป็นหุ้นส่วนทางความร่วมมือที่มีความสามารถและความรับผิดชอบ ที่ประชาคมโลกสามารถไว้วางใจได้
เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ทั่วโลกยังคงลุกลามอย่างรุนแรง คณะทูตพิเศษในครั้งนี้ได้เตรียมมาตรการด้านการป้องกันโรคระบาดที่เกี่ยวข้องอย่างรัดกุม โดยได้รับคำชี้แนะจากศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาด (CECC) ของไต้หวัน
พวกเราคาดหวังว่าคณะทูตพิเศษในครั้งนี้ จะสามารถบรรลุเป้าหมายในภารกิจที่ปธน.ไช่ฯ มอบหมายให้ด้วยความราบรื่น เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงลึกระหว่างไต้หวัน – ฮอนดูรัสให้เกิดความแข็งแกร่ง ซึ่งจะนำไปสู่การเสริมสร้างความร่วมมือเชิงลึกในทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนผลักดันให้ไต้หวันที่เป็นประชาธิปไตย ได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศต่อไป
นอกจากนี้ นายอวี๋ต้าเหลย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ยังได้ร่วมชี้แจงถึง กำหนดการเดินทางเยือนฮอนดูรัสในครั้งนี้ โดยคณะตัวแทนเตรียมออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติเถาหยวนในช่วงเช้าของวันที่ 25 ม.ค. ซึ่งจะเดินทางถึงฮอนดูรัสในวันที่ 26 ม.ค. ตามเวลาท้องถิ่น และเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ H.E. Xiomara Castro ประธานาธิบดีคนใหม่ของสาธารณรัฐฮอนดูรัสในวันที่ 27 ม.ค. และเดินทางออกจากฮอนดูรัสในช่วงเช้าของวันที่ 28 ม.ค. ซึ่งจะกลับถึงไต้หวันในช่วงค่ำของวันที่ 30 ม.ค. ตามเวลาในไต้หวัน รวมระยะเวลาการเดินทางทั้งหมด 6 วัน 5 คืน
รมช.อวี๋ฯ กล่าวว่า การผลักดันการทูตระหว่างผู้นำประเทศ และการกระชับไมตรีระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐบาลของประเทศพันธมิตร ถือเป็นภารกิจการทูตที่สำคัญของรัฐบาลไต้หวัน และเป็นหนึ่งในภารกิจที่สำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงลึกกับประเทศพันธมิตร ตามหลักการ “การทูตที่เป็นรูปธรรม” และนี่นับเป็นครั้งแรกที่รองปธน.ไล่ฯ เดินทางเยือนประเทศพันธมิตร หลังจากขึ้นดำรงตำแหน่งรองปธน.ไต้หวันเป็นต้นมา