New Southbound Policy Portal

ปธน.ไช่ฯ ต้อนรับการมาเยือนของ Mr. Lindsey Graham, R-SC ประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณวุฒิสภาของพรรครีพับลิกันแห่งสหรัฐฯ และคณะ

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 15 เม.ย. 65
 
เมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ Mr. Lindsey Graham, R-SC ประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณวุฒิสภาของพรรครีพับลิกันแห่งสหรัฐฯ และคณะผู้แทนที่เดินทางมาเยือนไต้หวัน โดยปธน.ไช่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ทุกฝ่ายที่ให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างหนักแน่นเสมอมา พร้อมกล่าวว่า ไต้หวันหวังที่จะมีบทบาทสำคัญในยุทธศาสตร์อินโด- แปซิฟิกรูปแบบใหม่ของสหรัฐฯ เพื่อร่วมรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในพื้นที่อินโด – แปซิฟิก ตลอดจนหวังจะกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าในพื้นที่ภูมิภาคอินโด – แปซิฟิกต่อไป อันจะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองต่อไปในอนาคต
 
ปธน.ไช่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า ก่อนอื่นต้องขอต้อนรับการมาเยือนของกลุ่มสมาชิกรัฐสภาของสหรัฐฯ พร้อมกล่าวว่า สมาชิกรัฐสภาที่เดินทางมาเยือนในครั้งนี้ ประกอบด้วยสมาชิกจาก 2 สภาของสหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ไต้หวันได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐสภาสหรัฐฯ ทั้งสภาบนและสภาล่าง โดยกลุ่มสมาชิกที่เดินทางมาในครั้งนี้ ล้วนเป็นมิตรสหายที่ดีของไต้หวัน ปธน.ไช่ฯ รู้สึกขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนไต้หวันในการประชุมรัฐสภาสหรัฐฯ รวมไปถึงการผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ อย่างเต็มที่ตลอดมา
 
ปธน.ไช่ฯ กล่าวอีกว่า ตนรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสให้การต้อนรับ Mr. Lindsey Graham และ Mr. Robert Menendez ซึ่งเป็น 2 สมาชิกวุฒิสภาของสหรัฐฯ โดยก่อนหน้านี้ในช่วงที่ Mr. Graham ยังดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปี 1999 ได้เคยเดินทางมาเยือนไต้หวันแล้วครั้งหนึ่ง ส่วนครั้งที่ 2 คือจากที่ปธน.ไช่ฯ ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำไต้หวันในปี 2016 ได้ไม่นาน
 
ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่าตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา Mr. Graham ได้สร้างคุณประโยชน์ที่สำคัญๆ ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างทั้งสองฝ่าย รวมถึงการให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศ จึงถือเป็นพลังเสียงสนับสนุนของไต้หวันที่สำคัญในเวทีรัฐสภาสหรัฐฯ
 
ปธน.ไช่ฯ ยังกล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2009 ที่ Mr. Menendez ดำรงตำแหน่งเป็นประธานร่วมในคณะทำงานด้าน “การเชื่อมโยงกับไต้หวัน” แห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ เป็นต้นมา ก็ได้ทำหน้าที่เป็นแกนนำในการยื่นเสนอญัตติที่เป็นมิตรต่อไต้หวันหลายครั้ง เพื่อร่วมสร้างความมั่นคงให้กับไต้หวัน พร้อมยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ จึงถือว่าเป็นมิตรสหายที่มีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นของไต้หวันในรัฐสภาสหรัฐฯ
 
ปธน.ไช่ฯ ย้ำว่า การที่ไต้หวัน - สหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ที่ “แข็งแกร่งดุจหินผา” เป็นผลจากความมุ่งมั่นร่วมกันของสมาชิกรัฐสภากลุ่มนี้ โดยเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา เป็นวาระครบรอบ 43 ปีของ “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” การที่คณะผู้แทนสหรัฐฯ เดินทางมาเยือนไต้หวันในครั้งนี้ จึงเปี่ยมด้วยนัยยะที่พิเศษยิ่ง เชื่อว่า ไต้หวัน – สหรัฐฯ จะเร่งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างกันในเชิงลึก เพื่อสร้างผลสัมฤทธิ์ทางความร่วมมือให้ขยายตัวมากยิ่งขึ้นต่อไป
 
ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่า หลายปีมานี้ ไต้หวัน - สหรัฐฯ ได้เร่งผลักดันค่านิยมสากลด้านประชาธิปไตย หลักธรรมาภิบาลและสิทธิมนุษยชน ภายใต้กรอบความร่วมมือ Global Cooperation and Training Framework (GCTF) และ “กลไกที่ปรึกษาด้านการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก” (Indo-Pacific Democratic Governance Consultations) ต่อกรณีที่รัสเซียบุกโจมตียูเครน สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มประเทศประชาธิปไตยควรเร่งส่งเสริมพลังแห่งความสามัคคี เพื่อร่วมต่อต้านภัยคุกคามจากกลุ่มประเทศเผด็จการที่ส่งผลกระทบต่อสันติภาพในระดับภูมิภาค
 
ปธน.ไช่ฯ กล่าวอีกว่า ไต้หวันเป็นหุ้นส่วนที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิกเสมอมา โดยไต้หวันหวังที่จะมีบทบาทที่สำคัญในยุทธศาสตร์อินโด – แปซิฟิกรูปแบบใหม่ของสหรัฐฯ เพื่อร่วมรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในพื้นที่ภูมิภาคอินโด - แปซิฟิกกับสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน นอกจากนี้ ไต้หวันยังคาดหวังที่จะประสานความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือด้านการค้าและเศรษฐกิจในพื้นที่อินโด – แปซิฟิก เพื่อความเจริญรุ่งเรืองในอนาคตสืบต่อไป
 
ในตอนท้าย ปธน.ไช่ฯ ยังได้แสดงการต้อนรับต่อการมาเยือนของคณะด้วยใจจริง พร้อมแสดงความคาดหวังที่จะร่วมปกป้องค่านิยมด้านประชาธิปไตยไปพร้อมกับรัฐสภาสหรัฐฯ
 
ในลำดับต่อมา Mr. Graham ขึ้นกล่าวปราศรัย โดยระบุว่า แม้ว่าในแง่ของการเมือง สหรัฐฯ จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่เราต่างก็เห็นพ้องต้องกันในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน พลังสามัคคีของภาคประชาสังคมสหรัฐฯ ที่มีต่อสถานการณ์วิกฤตระหว่างรัสเซีย – ยูเครน และการยั่วยุทางพฤติกรรมของรัฐบาลจีน เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน การเดินทางมาเยือนไต้หวันในครั้งนี้ของพวกเรา เพียงต้องการแสดงความสนับสนุนต่อค่านิยมที่พวกเราหวงแหนร่วมกัน ซึ่งรวมถึง เสรีภาพ หลักธรรมาภิบาล ศักยภาพในการเดินตามเส้นทางความฝัน สิทธิในการเลือกผู้นำประเทศได้อย่างเสรี เป็นต้น เพราะฉะนั้น เมื่อใดก็ตามที่จีนก่อพฤติกรรมการยั่วยุรุนแรงเพิ่มขึ้น สหรัฐฯ ยินดีที่จะยืนเคียงข้างไต้หวัน เพราะสหรัฐฯ เชื่อว่าการปล่อยมือจากไต้หวัน ก็ถือเป็นการปล่อยมือจากเสรีภาพ ประชาธิปไตย หรือแม้กระทั่งการค้าเสรีด้วยเช่นกัน
 
Mr. Graham กล่าวอีกว่า ในขณะที่ร่วมแสดงความสนับสนุนต่อไต้หวัน แต่พวกเราก็รู้สึกเจ็บปวดต่อการสูญเสียจากเหตุการณ์สงครามในครั้งนี้ของยูเครน โดยประชาชนชาวไต้หวันได้ร่วมบริจาคสิ่งของจำเป็นให้กับยูเครน รวมเป็นมูลค่ากว่า 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แล้ว แต่ในทางกลับกัน นายสีจิ้นผิง ผู้นำจีน กลับส่งมอบความช่วยเหลือให้กับ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย โดยในวันเดียวกันนั้น Mr. William Burns ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองกลางสหรัฐฯ ยังได้แสดงปาฐกถา โดยได้ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์รัสเซีย พร้อมระบุว่า จากเหตุการณ์สงคราม จะเห็นได้ว่า จีนและไต้หวันมีวิสัยทัศน์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงในกรณีที่เกี่ยวกับยูเครน โดย Mr. Graham ยังได้ระบุว่า ในด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีดิจิทัล ไต้หวันนับเป็นหุ้นส่วนที่มิสามารถขาดได้ของสหรัฐฯ และประชาคมโลก จึงคาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเร่งประสานความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างกันในเชิงลึกต่อไป
 
นอกจากนี้ Mr. Graham ยังชี้ว่า เมื่อพวกเขาได้เห็นภาพที่เกิดขึ้นในยูเครนทางโทรทัศน์ ต่างก็รู้สึกปวดใจเป็นอย่างยิ่ง และอยากจะบอกกับทุกคนว่า ชาวสหรัฐฯ เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความสำคัญที่ไต้หวันมีต่อสหรัฐฯ พร้อมเชื่อว่า แรงต่อต้านที่มีต่อพฤติกรรมรุนแรงและแนวคิดต่อต้านอำนาจเผด็จการกำลังขยายตัวเพิ่มขึ้น จึงขอให้คำมั่นแก่ปธน.และประชาชนชาวไต้หวันว่า จีนจะต้องชดใช้ต่อการก่อความวุ่นวายในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลกรวมถึงการให้การสนับสนุนปธน.ปูตินแห่งรัสเซีย และจีนยังต้องชดใช้ต่อการโจมตีทางไซเบอร์ต่อภาคประชาชนและเศรษฐกิจของไต้หวัน โดย Mr. Graham คาดหวังที่จะเห็นประชาชนชาวไต้หวันมีกำลังใจในการต่อสู้ต่อไป เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ประชาชนสหรัฐฯ ได้มีความสามัคคีในการสนับสนุนต่อแนวคิดแห่งเสรีภาพอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
 
ต่อจากนั้น Mr. Menendez ก็ได้ขึ้นกล่าวปราศรัย โดยระบุว่า ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งของทั่วโลก การเดินทางมาเยือนไต้หวันของคณะผู้แทนสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นการส่งสารว่าด้วยการสนับสนุนอันหนักแน่น ให้เป็นที่ประจักษ์แก่ปธน.และประชาชนชาวไต้หวัน โดยการรวมกลุ่มของคณะในครั้งนี้ เปี่ยมด้วยความหลากหลาย ซึ่งนอกจากจะเป็นกลุ่มสมาชิกแบบข้ามพรรค ข้ามสภาแล้ว แต่ละคนล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสที่กำกับดูแลกิจการต่างๆ ภายในประเทศอย่างครอบคลุม อาทิ การทูต การสาธารณสุขและการศึกษา งบประมาณและความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ โดยในระหว่างนี้ มีสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ หลายท่านเลือกที่จะเดินทางไปกลุ่มประเทศยุโรปเนื่องจากสถานการณ์วิกฤตยูเครน แต่พวกเขากลุ่มนี้กลับเลือกที่จะเดินทางมาไต้หวัน เนื่องจากไต้หวันถือเป็นอนาคตของภูมิภาคแห่งนี้
 
นอกจากนี้ Mr. Menendez ยังแสดงความคิดอีกเห็นว่า ประเด็นสำคัญ ณ ตอนนี้ มิได้เป็นการเลือกข้างระหว่างจีนหรือสหรัฐฯ แต่เป็นการเลือกว่า ในอนาคตพวกเราจะอาศัยอยู่ในโลกแบบใด โลกใบหนึ่งคือการที่พวกเรามีเสรีภาพ สามารถเลือกรัฐบาลของตนเองได้ สามารถสรรค์สร้างและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และการบริการที่มีคุณภาพ ตามความรู้และความสามารถของตนเอง ตลอดจนสามารถดำเนินชีวิตตามความเชื่อทางศาสนาได้อย่างอิสระ ส่วนโลกอีกใบคือพวกเราไม่สามารถเลือกรัฐบาล ไม่สามารถมีเสรีภาพทางความคิด ความคิดสร้างสรรค์ หรือความเชื่อทางศาสนาได้เลย ตลอดจนไม่มีเสรีภาพในการปกครองตนเอง
 
Mr. Menendez ระบุว่า ไต้หวันผลิตและส่งออกอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ชั้นสูงไปยังพื้นที่กว่า 90% ของทั่วโลก นับว่ามีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อทั่วโลกเป็นอย่างมาก โดยกลุ่มรัฐสภาสหรัฐฯ ต้องการให้ทั่วโลกประจักษ์ว่า ความมั่นคงของไต้หวันมีผลกระทบต่อทั่วโลก Mr. Menendez ยังเห็นว่า ไต้หวันเป็นประเทศที่ยึดมั่นในหลักระบบนิติรัฐ มีระบบการบริหารราชการที่โปร่งใส และเป็นสังคมที่เคารพความคิดเห็นและการตัดสินใจของแต่ละคน ดังนั้น ถ้าถามว่าสหรัฐฯ จะให้การสนับสนุนไต้หวันหรือไม่ คำตอบคือ ใช่อย่างแน่นอน
 
คณะผู้แทนในครั้งนี้ นำโดย Mr. Graham ประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณวุฒิสภาของพรรครีพับลิกันแห่งสหรัฐฯ โดยในระหว่างการเข้าพบคารวะปธน.ไช่ฯ ในครั้งนี้ นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) Ms. Sandra Oudkirk ผู้อำนวยการใหญ่สถาบันอเมริกาในกรุงไทเป (AIT/T) และนายกู้ลี่สง เลขาธิการคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติของไต้หวัน ต่างก็มีส่วนร่วมในการเข้าเยี่ยมพบครั้งนี้ด้วย