New Southbound Policy Portal
ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 5 พ.ค. 65
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับคณะผู้แทนจากกรมส่งเสริมเยาวชนของพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) พร้อมนี้ ปธน.ไช่ฯ ยังได้ขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่น รัฐสภาและกลุ่มนักการเมือง ที่ได้ให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศอย่างเปิดเผย พร้อมระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมา ไต้หวันได้สมัครเข้าร่วม “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP)” อย่างเป็นทางการแล้ว โดยไต้หวันมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการบรรลุภารกิจต่างๆ ตามมาตรฐานสูงสุดของกฎระเบียบทางการค้าของ CPTPP โดยในอนาคต รัฐบาลไต้หวันจะเร่งปรับปรุงแก้ไขข้อกฎหมาย พร้อมทั้งกำหนดมาตรการด้านการตลาดให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น จึงคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กลุ่มสมาชิกรัฐสภาญี่ปุ่นจะให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมกลุ่ม CPTPP อย่างต่อเนื่อง และเมื่อเผชิญหน้ากับการแผ่ขยายของลัทธิอำนาจนิยมไปทั่วโลก ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ไต้หวันจะประสานความร่วมมือกับญี่ปุ่นและพันธมิตรด้านประชาธิปไตยในสังคมโลก เพื่อสร้างคุณประโยชน์ด้านสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองให้เกิดแก่พื้นที่อินโด – แปซิฟิกสืบไป
ปธน.ไช่ฯ กล่าวต้อนรับคณะผู้แทนที่เดินทางมาเยือนทำเนียบประธานาธิบดีในครั้งนี้ว่า เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์โรคโควิด – 19 ทำให้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่กรมส่งเสริมเยาวชนของพรรค LDP นำคณะเดินทางเยือนไต้หวันอีกครั้ง ทำให้พวกเรามีโอกาสได้พบปะกับเหล่าสมาชิกของคณะผู้แทน
ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่า หลายปีมานี้ ไต้หวันและญี่ปุ่นได้ร่วมแลกเปลี่ยนในด้านๆต่างๆ อย่างใกล้ชิด ส่งผลให้มิตรภาพระหว่างภาคประชาชนมีความแนบแน่นมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายที่เกิดจากโรคระบาด ญี่ปุ่นได้บริจาค “วัคซีนแห่งมิตรภาพ” จำนวน 4.2 ล้านโดสให้กับไต้หวัน โดยในช่วงเริ่มต้นของสถานการณ์โรคโควิด – 19 ไต้หวันก็ได้บริจาคเวชภัณฑ์สำหรับป้องกันโรคระบาดและอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ญี่ปุ่น โดยการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันในรูปแบบนี้ ทำให้เกิดเป็น “พลังแห่งความดี” ที่หมุนเวียนในประชาคมโลก อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพที่เอื้อประโยชนซึ่งกันและกันระหว่างไต้หวันและญี่ปุ่นด้วย
ปธน.ไช่ฯ ขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่น รัฐสภาญี่ปุ่นและกลุ่มนักการเมือง ที่สนับสนุนให้ไต้หวันเข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างเปิดเผยตลอดมา รวมไปถึงการให้ความสำคัญต่อสันติภาพและเสถียรภาพในพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ไต้หวันได้ยื่นสมัครเข้าร่วมกลุ่ม CPTPP อย่างเป็นการทาง ซึ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลไต้หวันได้ดำเนินการแก้ไขกฎหมายต่างๆ อาทิ “กฎหมายสิทธิบัตร” “กฎหมายลิขสิทธิ์” และ “กฎหมายเครื่องหมายการค้า” เพื่อแสดงให้ทั่วโลกเห็นว่า ไต้หวันมีความตั้งใจที่จะบรรลุภารกิจตามมาตรฐานสูงสุดด้านกฎระเบียบทางการค้าของ CPTPP
ปธน.ไช่ฯ เน้นย้ำว่า ในอนาคต พวกเราจะดำเนินการแก้ไขกฎหมายและกำหนดมาตรการด้านการตลาดอย่างครอบคลุมต่อไป เพื่อแสวงหาโอกาสในการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ CPTPP โดยปธน.ไช่ฯ ขอให้กลุ่มสมาชิกรัฐสภาที่เดินทางมาเยือนในครั้งนี้ สนับสนุนให้ไต้หวันเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น CPTPP องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (INTERPOL) และการประชุมสมัชชาอนามัยโลก (WHA) ที่เตรียมจะเปิดฉากขึ้นในเร็ววันนี้ โดยไต้หวันมีความสามารถและยินดีที่จะรับผิดชอบต่อหน้าที่ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก เพื่อร่วมแบ่งปันประสบการณ์ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนานาประเทศทั่วโลกต่อไป
ปธน.ไช่ฯ ระบุว่า ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทั่วโลกต้องเผชิญหน้ากับการแผ่ขยายอำนาจของลัทธิอำนาจนิยม ดังเช่นในขณะนี้ ไต้หวันในฐานะที่เป็นประเทศประชาธิปไตยที่ตั้งอยู่ในแนวหน้า จะประสานความร่วมมือกับพันธมิตรด้านประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพ ให้คงอยู่สืบไป
ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่า เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปธน.ไช่ฯ และนายชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ร่วมพูดคุยหารือกันผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยอดีตนรม. อาเบะได้ระบุถึงแนวคิดที่ว่า “หากไต้หวันมีปัญหา” ก็เท่ากับว่า “ญี่ปุ่นมีปัญหา” และ “ญี่ปุ่น-สหรัฐฯ ก็มีปัญหาด้วย” ซึ่งนอกจากจะเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ภายในญี่ปุ่นแล้ว ก็ยังได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายในสังคมไต้หวันด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคงของไต้หวันหรือญี่ปุ่น ก็มิใช่ประเด็นปัญหาของประเทศเดียวอีกต่อไป แต่ต้องคำนึงถึงการเชื่อมโยงทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างเกาะในชั้นที่ 1 (ซึ่งอยู่ใกล้กับจีน) และเนื่องด้วยเหตุนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับญี่ปุ่นจึงมีความใกล้ชิดและสำคัญเป็นอย่างมากในปัจจุบัน
ปธน.ไช่ฯ ย้ำอีกว่า ในอนาคต ไต้หวันจะประสานความร่วมมือกับญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างคุณประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้นในด้านสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองให้เกิดแก่ภูมิภาคอินโด – แปซิฟิกต่อไป ในตอนท้าย ปธน.ไช่ฯ ได้ขอบคุณสำหรับการเดินทางมาเยือนของคณะผู้แทนในครั้งนี้ พร้อมระบุว่า ทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นมิตรสหายที่จริงใจของไต้หวัน และเป็นแรงผลักดันที่สำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – ญี่ปุ่น เชื่อว่าด้วยการสนับสนุนจากทุกฝ่าย จะส่งผลให้มิตรภาพระหว่างสองประเทศมีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
จากนั้น Mr. Norikazu Suzuki สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่นและรักษาการอธิบดีกรมส่งเสริมเยาวชนของพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ได้กล่าวปราศรัยว่า ต้องขอขอบคุณปธน.ไช่ฯ ที่สละเวลาอันมีค่ามาให้การต้อนรับคณะผู้แทนญี่ปุ่น โดยเฉพาะท่ามกลางสถานการณ์โรคโควิด – 19 ที่ยังคงลุกลามอย่างรุนแรง แต่รัฐบาลและประชาชนชาวไต้หวันก็ยังคงให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
Mr. Suzuki กล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะยังคงรุนแรง แต่การแลกเปลี่ยนระหว่างภาคประชาชนของสองประเทศและการเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างกัน กลับมีความแน่นแฟ้นเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการที่ญี่ปุ่นบริจาควัคซีนให้ไต้หวันในช่วงที่ผ่านมา โดยในช่วงเริ่มต้นของสถานการณ์โควิด – 19 ไต้หวันก็ได้บริจาคหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ให้กับญี่ปุ่น กล่าวได้ว่า นับวันความสัมพันธ์แบบพึ่งพาซึ่งกันและกันระหว่างไต้หวัน – ญี่ปุ่น และมิตรภาพระหว่างประชาชนของสองประเทศ จะยิ่งมีความแนบแน่นมากยิ่งขึ้นทุกที
Mr. Suzuki กล่าวอีกว่า แม้ทั่วโลกจะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายนานาประการโดยเฉพาะสถานการณ์สงครามระหว่างยูเครน – รัสเซีย ประกอบกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ตึงเครียด แต่คณะผู้แทนก็ยังคงมีความตั้งใจที่จะเดินทางมาเยือนไต้หวัน เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไต้หวัน โดย Mr. Suzuki ย้ำด้วยว่า ญี่ปุ่นจะไม่ยอมให้บางประเทศอาศัยกำลังทหารในการเปลี่ยนแปลงสถานภาพในปัจจุบัน เชื่อว่า ทั้งสองประเทศจะเร่งเสริมสร้างความร่วมมือในเชิงลึกระหว่างกันในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
Mr. Norikazu กล่าวว่า ไต้หวันถือเป็นประเทศเพื่อนบ้านของญี่ปุ่น เพราะฉะนั้น สันติภาพและเสถียรภาพในพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ก็มีความเกี่ยวพันกับสันติภาพและเสถียรภาพของญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน พวกเราในฐานะที่เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ของญี่ปุ่น จะยึดมั่นในแนวคิดเช่นนี้ ในการดำเนินภารกิจต่อไป
สำหรับการสมัครเข้าร่วม CPTPP ของไต้หวันนั้น Mr. Suzuki เห็นว่า CPTPP เป็นกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้ามาตรฐานสูง โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ซึ่งมีนัยยะสำคัญทางยุทธศาสตร์ เพื่อต้องการแสวงหาโอกาสในการเข้าร่วมกลุ่ม CPTPP ไต้หวันได้เร่งแก้ไขกฎหมายในประเทศอย่างกระตือรือร้น ซึ่งแม้จะประสบปัญหามากมาย แต่ก็สามารถแก้ไขจนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี Mr. Suzuki ยังกล่าวว่า กรมส่งเสริมเยาวชนของพรรค LDP ล้วนให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมกลุ่ม CPTPP อย่างเป็นเอกฉันท์ พร้อมคาดหวังที่จะเห็นไต้หวันบรรลุการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นสูงต่อไป
โดย Mr. Suzuki ยังเห็นว่า สถานการณ์แพร่ระบาดทั่วโลกยังคงอยู่ในภาวะรุนแรง ทำให้ยังมีปัญหาอีกหลายอย่างที่ต้องทำการแก้ไข อาทิ ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นปัญหาที่ทั่วโลกต้องร่วมกันเผชิญหน้าและแก้ไข โดยมิสามารถอาศัยเพียงประเทศใดประเทศหนึ่งในการแก้ไข ต่อกรณีที่ไต้หวันแสวงหาโอกาสในการเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศ เช่น WHO, ICAO เป็นต้น กรมส่งเสริมเยาวชนล้วนแต่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยในอนาคต คณะผู้แทนกลุ่มนี้จะทำหน้าที่เป็นแรงผลักดันที่สำคัญ เพื่อส่งเสริมให้ไต้หวันได้รับโอกาสในการเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศข้างต้นได้อย่างราบรื่นในเร็ววันต่อไป