New Southbound Policy Portal
กรมควบคุมโรค วันที่ 13 มิ.ย. 65
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาดไต้หวัน (CECC) แถลงว่า เมื่อคำนึงถึงสถานการณ์โรคระบาดภายในประเทศ และศักยภาพทางการแพทย์ ประกอบกับเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและกิจกรรมทางสังคม รวมถึงการแลกเปลี่ยนที่จำเป็นในระดับนานาชาติ ตั้งแต่เวลา 0.00 น. ของวันที่ 15 มิ.ย. ปี 2022 (ตามตารางเวลาของเที่ยวบินที่เดินทางถึงไต้หวัน) เป็นต้นไป จะทำการผ่อนคลายมาตรการกักกันโรคที่พรมแดน ภายใต้การควบคุมจำนวนผู้เดินทางเข้าประเทศ โดยรายละเอียดของมาตรการล่าสุด สามารถอ้างอิงได้ตามที่ระบุไว้ด้านล่างนี้ :
1. จำนวนวันและสถานที่กักตัว
(1) กำหนดให้วันที่เดินทางเข้าสู่ไต้หวันเป็นวันที่ 0 โดยผู้โดยสารต้องทำการกักตัวในเคหสถานให้ครบ 3 วันและเฝ้าสังเกตอาการตนเองอย่างใกล้ชิดอีก 4 วัน โดยยกเลิกมาตรการเฝ้าสังเกตอาการตนเองที่ก่อนหน้านี้กำหนดไว้เป็นระยะเวลา 7 วัน
(2) ในระหว่างการเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ต้องให้ความร่วมมือกับกฎระเบียบด้านการป้องกันโรคระบาด ดังต่อไปนี้ :
2.1) ห้ามออกนอกเคหสถานหากไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน
2.2) ก่อนเดินทางไปทำงานหรือไปซื้อสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน ต้องตรวจคัดกรองด้วยชุดตรวจ ATK และต้องมีผลเป็นลบ ก่อนออกนอกที่พัก ภายในระยะเวลา 48 ชั่วโมงหรือ 2 วัน
2.3) ในระหว่างที่เดินทางออกนอกเคหสถาน ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา พร้อมรักษาระยะห่างทางสังคม
2.4) สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นในการปฏิบัติภารกิจ เข้าเยี่ยมชม แสดงปาฐกถาหรือเข้าร่วมการประชุม ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา พร้อมรักษาระยะห่างทางสังคม
2.5) ในระหว่างการทำงานต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา พร้อมรักษาระยะห่างทางสังคม หากมีความประสงค์ในการรับประทานอาหาร สามารถถอดหน้ากากอนามัยได้ชั่วขณะ เมื่อรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ต้องสวมหน้ากากอนามัยทันที
2.6) หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสถานที่ที่คนแออัด และไม่ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
2.7) ผู้ที่มีนัดเลี้ยงอาหารเชิงธุรกิจ ต้องรับประทานอาหารในห้องส่วนตัว หรือร่วมรับประทานอาหารกับกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน แต่ควรมีฉากกั้นหรือรักษาระยะห่างทางสังคม
2.8) การเข้ารับการตรวจสุขภาพร่างกายหรือการเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ที่ไม่เร่งด่วน ควรเลื่อนออกไปก่อน
(3) สถานที่ที่ใช้สำหรับการกักตัว ต้องสอดคล้องกับมาตรการ 1 คนต่อ 1 หลังหรือเข้าพักในโรงแรมกักโรค พร้อมทั้งกักตัวให้ครบตามกำหนด 3 วัน และเฝ้าสังเกตอาการตนเองต่ออีก 4 วัน นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงกลุ่มแรงงานต่างชาติ แรงงานประมงและนักศึกษาที่ส่วนใหญ่มักใช้สถานที่พำนักอาศัยร่วมกัน ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อน (คลัสเตอร์) ค่อนข้างสูง ทาง CECC จึงมอบหมายให้หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลกิจการเหล่านี้ เข้าตรวจสอบการกักตัวของกลุ่มเป้าหมายในสถานกักตัวให้เป็นไปตามมาตรการ 3+4 โดยในระหว่างการเฝ้าสังเกตอาการตนเอง ไม่อนุญาตให้เดินทางเข้าสู่รั้วสถานศึกษา สถานที่ทำงานและไม่อนุญาตให้ออกนอกเคหสถานหากไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน
2. มาตรการตรวจคัดกรอง
(1) ผู้เดินทางเข้าไต้หวัน ต้องแนบใบรับรองผลตรวจ RT-PCR ที่เป็นลบ ก่อนขึ้นเครื่องภายใน 48 ชั่วโมงหรือ 2 วัน
(2) สำหรับการตรวจ RT-PCR : ในระหว่างการเดินทางเข้าไต้หวัน (นับเป็นวันที่ 0) ผู้เดินทางต้องให้ความร่วมมือในการตรวจคัดกรองแบบ PCR โดยเก็บตัวอย่างจากน้ำลายในส่วนลึกของลำคอ ณ ท่าอากาศยานหรือท่าเรือ
(3) สำหรับการตรวจคัดกรองแบบ ATK : ในระหว่างที่เดินทางเข้าไต้หวัน จะมีเจ้าหน้าที่ในท่าอากาศยานหรือท่าเรือส่งมอบชุดตรวจโควิด – 19 ด้วยตนเอง (ATK) จำนวน 2 ชุดให้แก่ผู้โดยสารที่มีอายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไป เพื่อให้ผู้ที่มีอาการต้องสงสัยในระหว่างการกักตัวและในระหว่างการเฝ้าสังเกตอาการ ตรวจด้วยตนเอง รวมไปถึงการตรวจก่อนการออกนอกเคหสถานหลังครบกำหนดการกักตัว
3. ยานพาหนะที่ไว้รองรับการเดินทางจากท่าอากาศยานไปยังสถานกักตัว : นอกจากโดยสารรถแท็กซี่ป้องกันโรคแล้ว ผู้เดินทางยังสามารถให้เพื่อนหรือญาติ หรือรถประจำหน่วยงานหรือองค์กรมารับส่ง พร้อมทั้งให้ความร่วมมือด้วยการปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการป้องกันโรคระบาดของรถรับส่งอย่างเคร่งครัด
4. การควบคุมจำนวนผู้เดินทางเข้าไต้หวัน : ในช่วงเริ่มต้น CECC จะเปิดให้ผู้ที่มีความประสงค์จะเดินทางเข้าสู่ไต้หวันได้ไม่เกิน 25,000 คนต่อสัปดาห์
5. การเปิดให้ผู้เดินทางสามารถมาเปลี่ยนเครื่องในไต้หวัน : กรมการบินพลเรือน กระทรวงคมนาคมไต้หวัน เป็นหน่วยงานกำหนดแผนการว่าด้วยการเดินทางมาเปลี่ยนเครื่องในไต้หวัน และมาตรการด้านการป้องกันโรคระบาดที่เกี่ยวข้อง
CECC เน้นย้ำว่า มาตรการควบคุมพรมแดนเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด – 19 จึงขอเรียกร้องให้ประชาชนที่อยู่ระหว่างการกักตัว ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันรักษาความปลอดภัยของชุมชนในประเทศ