New Southbound Policy Portal

รมว.กต.ไต้หวันให้สัมภาษณ์แก่รายการโทรทัศน์ “Newsmax” ของสหรัฐฯ โดยได้ชี้แจงถึงภัยคุกคามที่จีนกระทำต่อไต้หวัน การแผ่ขยายอิทธิพลของจีน และความสัมพันธ์อันดีระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ

กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 16 มิ.ย. 65
 
เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ่ต่อ Ms. Greta Van Susteren พิธีกรของสถานีโทรทัศน์ “Newsmax” ของสหรัฐอเมริกา โดยได้ชี้แจงถึงภัยคุกคามจากจีนที่กระทำต่อไต้หวัน การแผ่ขยายอิทธิพลของลัทธิอำนาจนิยม ความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ รวมถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่มีต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก โดยสถานีโทรทัศน์ “Newsmax” ได้ทำการเผยแพร่บทสัมภาษณ์ในรายการ “The Record” ซึ่งเป็นรายการใหม่ของพิธีกรรายดังกล่าว เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตามเวลากรุงไทเป และได้รับความสนใจในวงกว้างจากทุกฝ่าย
 
รมว.อู๋ฯ ชี้ว่า เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ส่งเครื่องบินรบมาทำการซ้อมรบในละแวกพื้นที่น่านน้ำสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน โดยเครื่องบินทหารได้เพิ่มความถี่ในการรุกล้ำเข้าสู่เขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) ของไต้หวัน ซึ่งมีหลายครั้งที่บินล้ำเส้นกึ่งกลางช่องแคบไต้หวันเพื่อทำการก่อกวน ถือเป็นการสร้างความตึงเครียดให้เกิดแก่ภูมิภาคเป็นอย่างมาก ต่อกรณีที่รัฐบาลจีนกล่าวอ้างว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน จึงไม่มีคำว่า “เส้นกึ่งกลางช่องแคบไต้หวัน” “สองฝั่งช่องแคบไต้หวันมิใช่น่านน้ำสากล” นั้น คำพูดเหล่านี้ล้วนเป็นการสร้างความท้าทายด้วยการบิดเบือนข้อเท็จจริง รมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เส้นกึ่งกลางช่องแคบไต้หวันเป็นเกราะปราการในการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน โดยการท้าทายของจีนในระยะนี้ ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงในพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน รวมถึงส่งผลกระทบต่อสันติภาพและเสถียรภาพในระดับภูมิภาค
 
รมว.อู๋ฯ ย้ำอีกว่า ไต้หวันได้รับแรงบันดาลใจจากการที่ยูเครนอาศัยความมุ่งมั่นในการต่อสู้ มาต่อกรกับประเทศมหาอำนาจอย่างรัสเซียได้อย่างประสบความสำเร็จ โดยหลังจากนี้ นอกจากไต้หวันจะพัฒนาแสนยานุภาพทางทหารที่ขาดความสมดุลแล้ว ยังจะเร่งเสริมสร้างศักยภาพด้านการป้องกันประเทศด้วยการผนึกกำลังของภาคประชาชน และเจ้าหน้าที่ทหารกองหนุน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการปกป้องประเทศอย่างสามัคคีของรัฐบาลและประชาชน ไม่ว่าจีนจะก่อสงครามกับไต้หวันหรือไม่ และในเวลาใด ไต้หวันก็จะเตรียมพร้อมรับมือเพื่อทำการปกป้องประเทศของตนอย่างสุดกำลัง
 
รมว.อู๋ฯ กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ได้รับการพัฒนาอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ได้อนุมัติการจำหน่ายอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อใช้สำหรับการป้องกันประเทศให้แก่ไต้หวัน ตามที่ระบุไว้ใน “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” และ “หลักประกัน 6 ประการ” อย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยยกระดับศักยภาพด้านกลาโหมของไต้หวัน นอกจากนี้ ไต้หวันยังเป็นผู้ผลิตแผ่นเวเฟอร์ที่ทันสมัยให้นานาประเทศกว่าร้อยละ 90 ทั่วโลก หากวันใดที่ไต้หวันถูกรุกราน ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกก็จะหยุดชะงักลงทันทีอันเนื่องมาจากผลของสงคราม โดยสหรัฐฯ และเขตเศรษฐกิจหลักๆ ของโลกก็จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ด้วยเหตุนี้ รมว.อู๋ฯ จึงเน้นย้ำว่า นอกจากไต้หวันจะมีความมุ่งมั่นและความสามารถในการป้องกันประเทศอย่างแน่วแน่แล้ว พลังสนับสนุนของประชาคมโลกและกลุ่มประเทศประชาธิปไตย ก็มีส่วนช่วยในการธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวันด้วยเช่นกัน
 
รมว.อู๋ฯ วิเคราะห์ว่า การที่รัฐบาลจีนต้องการยึดครองไต้หวันนั้น ก็เป็นกรณีที่พบเห็นได้บ่อยในการที่ประเทศลัทธิอำนาจนิยมต้องการแผ่ขยายอิทธิพลสู่ประเทศภายนอก ซึ่งรมว.อู๋ฯ เชื่อว่า เป้าหมายในการแผ่ขยายอำนาจมิได้จำกัดเฉพาะเพียงไต้หวันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพื้นที่ต่างๆ ที่จีนต้องการแผ่อิทธิพลทั้งในพื้นที่ทะเลจีนตะวันออก ทะลจีนใต้ รวมถึงกลุ่มประเทศในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ ดังนั้น การพึ่งพาเพียงพื้นที่ระยะห่วงโซ่ที่ 1 (First Island Chain) เป็นปราการด่านแรก จะไม่เพียงพอต่อการต่อต้านการรุกล้ำอิทธิพลจากลัทธิอำนาจนิยมจากจีนแน่นอน โดยการฝึกซ้อมทางทหารของจีนในระยะนี้ และความตกลงว่าด้วยความมั่นคงที่จีนร่วมลงนามกับหมู่เกาะโซโลมอน ต่างสะท้อนใหเห็นถึงความทะเยอทะยานในการแผ่ขยายอิทธิพลของจีน รมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า ไต้หวันเป็นประเทศแนวหน้าที่ต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากประเทศเผด็จการ ซึ่งนอกจากจะต้องรับผิดชอบต่อความมั่นคงของประเทศตนแล้ว ยังมีหน้าที่ที่ต้องประสานความร่วมมือกับกลุ่มประเทศประชาธิปไตย เพื่อธำรงไว้ซึ่งค่านิยมที่มีร่วมกันในด้านเสรีภาพและประชาธิปไตย โดยรมว.อู๋ฯ เชื่อว่า ไต้หวันและประชาธิปไตยจะสามารถคว้าชัยชนะมาครองได้ในที่สุด
 
“Newsmax” ก่อตั้งขึ้นในปี 1998 เป็นช่องเคเบิลทีวีและสื่อโทรทัศน์รูปแบบออนไลน์ ซึ่งมีผู้รับชมผ่านช่องทางโทรทัศน์กว่า 75 ล้านคน และมียอดผู้เข้าชมที่ติดตามผ่านรูปแบบออนไลน์กว่า 15 ล้านคนต่อเดือน จึงนับว่าเป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลเป็นอย่างมาก