New Southbound Policy Portal

รมว.กต.ไต้หวันและ Mr. Anatoliy Fedoruk นายกเทศมนตรีเมืองบูชาของยูเครน ร่วมสนทนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

กระทรวงการต่างประเทศ  วันที่ 20 มิ.ย. 65
 
นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และ Mr. Anatoliy Fedoruk นายกเทศมนตรีเมืองบูชาของยูเครน ได้ร่วมสนทนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยรมว.อู๋ฯ ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนรัฐบาลไต้หวันบริจาคเงิน 500,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือในการบูรณะฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานในเมืองบูชา โดยหลังจากที่รมว.อู๋ฯ ได้ร่วมสนทนากับนายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ เมืองหลวงแห่งยูเครนเมื่อวันที่ 22 เม.ย. และร่วมพูดคุยกับนายกเทศมนตรีเมืองคาร์คิฟเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ตลอดจนร่วมแสดงความห่วงใยต่อ Serhii Petrovych Dumenko สมเด็จพระสังฆราชแห่งคริสตจักรอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์ในกรุงเคียฟและทั่วยูเครน ผ่านทางระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.  ในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 ที่รัฐบาลไต้หวันได้ประกาศบริจาคเงินให้แก่ยูเครน เพื่อส่งผ่านความห่วงใยของไต้หวันที่มีต่อประชาชนชาวยูเครน และเป็นการสนับสนุนความตั้งใจแน่วแน่ในการต่อกรกับอำนาจเผด็จการอย่างหนักแน่นของยูเครน
 
ในช่วงเริ่มต้น รมว.อู๋ฯ แถลงว่า นับตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. ที่รัฐบาลรัสเซียบุกโจมตียูเครนด้วยกำลังทหารเป็นต้นมา รัฐบาลไต้หวันมิสามารถยอมรับต่อการทำลายความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศ และการกระทำที่เป็นการรุกรานประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยของรัสเซียได้ จึงได้ร่วมประณามต่อแผนปฏิบัติการของรัสเซียที่กระทำต่อยูเครน พร้อมประกาศคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย ร่วมกับกลุ่มประชาคมโลกในทันที โดยรมว.อู๋ฯ ยังได้แสดงความห่วงใยด้วยใจจริงต่อประชาชนชาวยูเครนที่ได้รับผลกระทบจากผลของสงคราม นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 5 เม.ย. รัฐบาลไต้หวันยังได้เผยแพร่จดหมายข่าว ว่าด้วยการประณามรัฐบาลรัสเซียที่ส่งกองกำลังทหารบุกทำลายความสงบในพื้นที่เมืองบูชา และคร่าชีวิตของประชาชนบริสุทธิ์อย่างไร้ซึ่งความเมตตาปราณี ซึ่งนอกจากจะเป็นการขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว ยังขัดต่อหลักการอารยธรรมโลกอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ จึงขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และนายไล่ชิงเต๋อ รองประธานาธิบดี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ยังได้ร่วมประณามพฤติกรรมความผิดในการก่อสงครามของรัสเซีย ผ่านการโพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ ซึ่งตราบจนปัจจุบัน ไต้หวันได้บริจาคเวชภัณฑ์สิ่งของจำเป็นให้แก่ยูเครนแล้วกว่า 580 ตัน รวมถึงเงินบริจาคเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มผู้ลี้ภัยชาวยูเครน ตลอดจนให้ความช่วยเหลือในการบูรณะฟื้นฟูแก่พื้นที่ต่างๆ รวมถึงสถานพยาบาลและคริสตจักรในยูเครน เป็นจำนวนเงินรวม 40 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ แล้ว โดยรมว.อู๋ฯ ได้ชี้แจงต่อ Mr. Fedoruk ว่าไต้หวันต้องเผชิญกับการข่มขู่ด้วยกำลังอาวุธและสงครามไซเบอร์จากรัฐบาลจีนอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน จึงมีความเข้าใจต่อสถานการณ์ของยูเครนในปัจจุบันอย่างลึกซึ้ง พร้อมทั้งเห็นด้วยกับยูเครนที่ว่า ประเทศมหาอำนาจไม่ควรรังแกผู้อื่น ด้วยการรุกรานประเทศเล็กกว่าที่ตั้งอยู่รายรอบโดยพลการ
 
Mr. Fedoruk ขอบคุณรัฐบาลไต้หวันสำหรับการสนับสนุนและการให้ความช่วยเหลือที่ทันท่วงที พร้อมระบุว่า กองทัพรัสเซียบุกโจมตียูเครนอย่างไม่มีสาเหตุ ซึ่งได้สร้างความเสียหายต่อบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน รวมถึงอำนาจอธิปไตยและประชาธิปไตยในพื้นที่ โดยประชาชนชาวยูเครนไม่สามารถให้อภัยต่อการที่กองทัพรัสเซียได้ยกกำลังเข้ารุกรานดินแดนของยูเครนและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่เมืองบูชาได้ โดยการรุกรานด้วยวิธีการทางสงครามของรัฐบาลเผด็จการอย่างรัสเซีย ได้สร้างความฝังใจให้แก่มวลมนุษยชาติทั่วโลก โดยประชาชนชาวยูเครนจะธำรงรักษาดินแดนและปกป้องประชาธิปไตยอย่างสุดกำลัง อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ โครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เมืองบูชา ประสบความเสียหายอย่างรุนแรง จึงต้องการความช่วยเหลือจากประชาคมโลก โดยนายกเทศมนตรี Fedoruk ได้แสดงความขอบคุณต่อไต้หวันที่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือ ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ จึงจะเห็นได้ว่า เราจะสามารถพบมิตรแท้ในยามลำบาก รัฐบาลและประชาชนชาวยูเครนต่างรู้สึกซาบซึ้งต่อการสนับสนุนอันหนักแน่น และความห่วงใยที่อบอุ่นที่ได้รับมอบจากไต้หวัน โดย Mr. Fedoruk จะนำเงินบริจาคของไต้หวันไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ก่อนเสร็จสิ้นการสนทนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ รมว.อู๋ฯ ได้ส่งมอบกำลังใจให้แก่ประชาชนชาวยูเครนและพื้นที่เมืองบูชา ด้วยคำพูดที่ว่า “ประชาธิปไตยต้องชนะ” เป็นภาษายูเครน นอกจากนี้ รมว.อู๋ฯ และ Mr. Fedoruk ยังได้เชิญชวนให้อีกฝ่ายเดินทางไปเยือนซึ่งกันและกันภายหลังจากที่สงครามสิ้นสุดลง เพื่อเสริมสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – ยูเครนในเชิงลึกยิ่งขึ้น