New Southbound Policy Portal

ปธน.ไช่ฯ เข้าร่วม “การประชุมสามัญนักวิชาการสภาวิจัยแห่งชาติครั้งที่ 34”

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 4 ก.ค. 65
 
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 4 ก.ค. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วมพิธีเปิด “การประชุมสามัญนักวิชาการ​สภาวิจัยแห่งชาติ ครั้งที่ 34” โดยปธน.ไช่ฯ ระบุว่า สภาวิจัยแห่งชาติ (Academia Sinica) ของไต้หวันนอกจากจะเป็นเวทีที่ผลักดันให้ประชาคมโลกมองเห็นศักยภาพด้านการวิจัยของไต้หวันแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อสันติภาพ ประชาธิปไตยและเสรีภาพของไต้หวันอีกด้วย โดยการประชุมกลุ่มนักวิชาการในครั้งนี้ จัดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์โรคโควิด – 19 จึงเปี่ยมด้วยนัยยะที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ปธน.ไช่ฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นกลุ่มนักวิชาการร่วมหารือกันวางแนวทางการพัฒนาประเทศต่อไป ตลอดจนร่วมผลักดันให้ไต้หวันมีการพัฒนาที่รุดหน้าต่อไป
 
ปธน.ไช่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า สภาวิจัยฯ เป็นหน่วยงานวิจัยสูงสุดของไต้หวัน โดยการประชุมกลุ่มนักวิชาการแต่ละครั้ง ถือเป็นกิจกรรมครั้งสำคัญในแวดวงวิชาการ ซึ่งเป็นที่จับตามองของทุกภาคส่วนเสมอมา โดยการประชุมในครั้งนี้ มีนักวิชาการทั้งในและต่างประเทศ เข้าร่วมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์และเดินทางมาเข้าร่วมด้วยตนเอง รวม 180 คน ปธน.ไช่ฯ ขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมอุทิศคุณประโยชน์ในการวิจัยทางวิชาการและการพัฒนาทางเทคโนโลยีของไต้หวันอย่างมุ่งมั่นเสมอมา
 
ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่า ช่วงก่อนหน้านี้ สถาบัน IMD (International Institute for Management Development) แห่งประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ประกาศผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของโลกประจำปี 2022 (IMD World Competitiveness Yearbook) โดยในจำนวนนี้ ไต้หวันถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 1 ของปัจจัยย่อยว่าด้วย “บุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาต่อประชากร 1000 คน” ซึ่งการที่พวกเราบรรลุผลสัมฤทธิ์ที่ดีเช่นนี้ได้ ส่วนหนึ่งมาจากการอุทิศคุณประโยชน์ของบุคลากรในสภาวิจัยแห่งชาติไต้หวัน
 
ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปีเศษมานี้ สถานการณ์โรคโควิด -19 แพร่ระบาดไปทั่วทุกมุมโลก สภาวิจัยแห่งชาติไต้หวันได้อาศัยศักยภาพทางวิชาการที่สั่งสมมาเป็นระยะเวลานาน ให้ความช่วยเหลือผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทุ่มเทในการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสกัดกั้นโรคระบาด ซึ่งนอกจากจะเป็นแกนหลักสำคัญในการป้องกันโรคระบาดภายในประเทศให้เกิดประสิทธิภาพแล้ว ยังเป็นการอุทิศคุณประโยชน์ด้านการป้องกันโรคระบาดให้แก่ประชาคมโลกอีกด้วย
 
ปธน.ไช่ฯ ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา 2 ภาพถ่ายหลุมดำที่เป็นภาพแห่งประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ กลุ่มเจ้าหน้าที่สภาวิจัยแห่งชาติของไต้หวันได้มีส่วนร่วมและสวมบทบาทที่สำคัญอย่างที่ไม่มีผู้ใดมาแทนที่ได้ เนื่องมาจากความมุ่งมั่นพยายามร่วมกันของทุกคน มวลมนุษยชาติจึงสามารถค้นหาสำรวจความมหัศจรรย์ของโลกได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมให้ทั่วโลกมองเห็นความเก่งกาจที่ไม่ธรรมดาของประชาชนชาวไต้หวันอีกด้วย
 
ปธน.ไช่ฯ ได้อาศัยโอกาสนี้ในการขอบคุณนายเลี่ยวจวิ้นจื้อ ประธานสภาวิจัยแห่งชาติไต้หวัน และบุคลากรในสภาฯ ที่ให้การสนับสนุนนโยบายทุกด้านของรัฐบาลตลอดระยะเวลากว่า 6 ปีเศษที่ผ่านมา โดยปธน.ไช่ฯ หยิบยกกรณีตัวอย่างว่า เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2050 รัฐบาลจึงได้วางแผนจัดสรรงบประมาณ 900,000 ล้านเหรียญไต้หวัน ในการผลักดันโครงการเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายในระยะเวลาก่อนปี 2030 โดยสภาวิจัยฯ ได้ขานรับนโยบายของประเทศในการเร่งวิจัยในด้านที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในขณะนี้ได้บังเกิดผลสัมฤทธิ์เบื้องต้นในด้านพลังงานความร้อนใต้พื้นพิภพ พลังงานจากมหาสมุทร และพลังงานแสงอาทิตย์แล้ว
 
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ข้าพเจ้าเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า เพียงแค่ภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐและภาควิชาการประสานความร่วมมือกัน ก็จะสามารถก้าวข้ามทุกอุปสรรค ตลอดจนบรรลุเป้าหมายในด้านต่างๆ ได้อย่างแน่นอน ปธน.ไช่ฯ จึงแสดงความขอบคุณต่อสภาวิจัยและนักวิชาการทุกท่านที่มุ่งมั่นทุ่มเทในแวดวงวิชาการเสมอมา
 
นอกจากนี้ ปธน.ไช่ฯ ยังแถลงว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลังจากที่รัสเซียบุกโจมตียูเครน สภาวิจัยแห่งชาติไต้หวันออกแถลงการณ์โดยทันที พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือแก่นักวิชาการและนักศึกษายูเครนอย่างเป็นรูปธรรม โดยปธน.ไช่ฯ รู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง พร้อมเน้นย้ำว่า พวกเราคาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นนักวิชาการร่วมหารือเพื่อวางแนวทางการพัฒนาประเทศต่อไป ตลอดจนร่วมผลักดันให้ไต้หวันมีการพัฒนาที่รุดหน้าต่อไป